ตะลึงวงการสื่อ ‘RS' จับมือ ‘WORKPOINT' ต่อยอดธุรกิจ MPC คาดทำรายได้ทะลุ 1,000 ลบ.

Backตุลาคม 18, 2562

‘อาร์เอส’ ประกาศความสำเร็จจากการทรานฟอร์มธุรกิจสื่อสู่ธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง Multi-platform Commerce (MPC) ยังคงลุยเดินหน้าหาพาร์ทเนอร์ที่แข็งแรงมาร่วม Synergy ต่อยอดธุรกิจแบบ win win ทั้งคู่ ล่าสุดจับมือกลุ่มผู้นำทีวีดิจิทัล ช่อง ‘เวิร์คพอยท์’ ต่อยอดธุรกิจ ใช้ศักยภาพ และจุดแข็งของแต่ละฝ่ายให้เกิดประโยชน์แบบสูงสุด คาดดันยอดโตพุ่งแรงทั้งคู่

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “นับตั้งแต่ อาร์เอส ทรานฟอร์มธุรกิจสื่อสู่ธุรกิจพาณิชย์อย่างสมบูรณ์แบบ ถือเป็นการเริ่มต้น ‘ยุคใหม่’ ภายใต้ Business Model ใหม่ ด้วยธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง Multi-platform Commerce (MPC) สร้างธุรกิจในลักษณะ D to C (Direct to Customer) เป็นการสร้างโอกาสจากการบริหารธุรกิจดั้งเดิมอย่างมิวสิคสู่ธุรกิจสื่อที่แข็งแรงและมีความชำนาญ สามารถต่อยอดแพลตฟอร์มหน้าจอช่อง 8 เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถสร้างรายได้และผลกำไรของบริษัทให้เติบโต พร้อมเดินหน้าตามวิสัยทัศน์ Horizontal Integration ขยายธุรกิจในแนวราบ ขับเคลื่อนธุรกิจกลุ่มอาร์เอส จนประสบความสำเร็จอย่างสง่างาม เติบโตมั่นคง ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจ และตลาดทีวีดิจิทัลโดยรวมที่ประสบปัญหาจากการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงความท้าทายจากเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับปี 2562 ถือเป็นปีสำคัญของกลุ่มอาร์เอส ในการสร้างมิติใหม่วงการธุรกิจสื่อ ด้วยการเปิด synergy กับพาร์ทเนอร์ ผู้นำอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งหลายกลุ่ม ล่าสุดจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจใหม่กับผู้นำทีวีดิจิทัลอย่าง ช่องเวิร์คพอยท์ ของคุณปัญญา นิรันดร์กุล เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และต่อยอดธุรกิจแบบ win win ทั้งคู่”

ด้าน นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ กลุ่มธุรกิจสินค้าและแพลตฟอร์ม บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สำหรับการจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ ช่องเวิร์คพอยท์ ในครั้งนี้ เป็นการเดินเกมรุกขยายธุรกิจแนวราบ โดยเตรียมเปิดช่องทางขายสินค้าใหม่ ภายใต้ชื่อ Wellness Shop จำหน่ายสินค้าของ “ไลฟ์สตาร์” ซึ่งเป็นสินค้าในเครืออาร์เอส รวมถึงสินค้าของพาร์ทเนอร์ ซึ่งจะช่วยต่อยอดทางธุรกิจได้มากขึ้น เพิ่มศักยภาพการเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ ของช่องเวิร์คพอยท์ และสร้าง database ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ผลักดันรายได้ของกลุ่มอาร์เอส ให้เติบโตสู่เป้าหมาย 1 หมื่นล้าน ในปี 2565 ซึ่งการจับมือในครั้งนี้ เป็นการเสริมศักยภาพ (synergy) ทางธุรกิจ ผสานจุดแข็งของสองบริษัทที่เป็นผู้นำของอุตสาหกรรม เชื่อมโยงฐานข้อมูลลูกค้า พร้อมตอกย้ำความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเข้าถึงสินค้าและบริการที่มีคุณภาพต่างๆ อย่างทั่วถึงและตอบโจทย์ความพึงพอใจให้ลูกค้าได้อย่างตรงใจ”

นายชลากรณ์ ปัญญาโฉม กรรมการผู้จัดการ สายงานดิจิทัลทีวี สถานีโทรทัศน์เวิร์คพอยท์ บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า “สำหรับช่องเวิร์คพอยท์เลข 23 เป็นช่องทีวีดิจิทัลที่เติบโตต่อเนื่อง เชี่ยวชาญในด้านความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ทั้งการผลิตรายการโทรทัศน์, การผลิตภาพยนตร์, การจัดแสดงคอนเสิร์ตและโชว์บิซ, การผลิตและตัดต่อภาพเคลื่อนไหว ด้วยระบบคอมพิวเตอร์, การผลิตสื่อสิ่งพิมพ์, การรับจ้างจัดกิจกรรมทางการตลาด และสตูดิโอบันทึกเสียง ที่ผ่านมาได้พัฒนาคอนเทนต์หลากหลายรูปแบบเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทั้งวาไรตี้ เกม รวมทั้งการพัฒนาระบบช้อปปิ้งออนไลน์ จนมีฐานลูกค้ากว่า 5 แสนคน ซึ่งการร่วมมือกับ อาร์เอส ครั้งนี้ จะช่วยขยายฐานธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับ 2 บริษัทในอนาคต วันนี้เรามีฐานผู้ชมค่อนข้างกว้าง ด้วยรายการวาไรตี้และบันเทิง ที่ดูสนุกและมีสาระ ทำให้เข้าถึงคนจำนวนมากทั่วประเทศ ขณะที่ อาร์เอส มีความแข็งแกร่งในธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง Multi-platform Commerce (MPC) โดยจะเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ในหลายช่วงเวลาตลอดทั้งวัน โดยจำหน่ายสินค้าผ่านทางช่องทางเทเลเซล และ Line @rsmall เชื่อว่าการร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าได้สูงสุดจากสินค้าและบริการของทั้งสองบริษัท”

“การทำธุรกิจยุคใหม่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาแนวทางหรือแนวคิดใหม่ๆ มาเพิ่มศักยภาพและสร้างโอกาสให้กับองค์กรธุรกิจของตนเอง อาร์เอส ให้ความสำคัญในการร่วมงานกับพันธมิตรทางธุรกิจ หรือพาร์ทเนอร์ที่แข็งแรง และพร้อมที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน ความร่วมมือกับ ช่องเวิร์คพอยท์ ในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มช่องทางการขายสินค้า เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มฐานข้อมูล Big Data ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ให้กับธุรกิจ MPC ของอาร์เอส ที่มีอยู่ประมาณ 2 ล้านคน ทั้งนี้ จากการประเมินรายได้จากการร่วมธุรกิจกับช่องเวิร์คพอยท์ ในปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท และปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท” นายสุรชัย กล่าวทิ้งท้าย