"อาร์เอส" สุดปลื้มปิดยอดขายช่อง 8 ล่วงหน้าได้ 50% ตั้งเป้ารายได้ปี 59 ทะลุ 4.5 พันล้านเติบโตต่อเนื่อง

Backมกราคม 14, 2559

“อาร์เอส” โกยทรัพย์รับปีวอก เผยปิดยอดขายโฆษณา “ช่อง 8” ได้ล่วงหน้าแล้ว 50% ชี้เดินมาถูกทางกับการใช้จุดแข็งเป็นบริษัทบันเทิงครบวงจร ดึงทุกกลุ่มธุรกิจในเครือซีเนอจี้เข้าด้วยกัน ใช้เป็นข้อได้เปรียบสร้างรายได้ครอบคลุมทุกมิติ ตอบโจทย์มุ่งมั่นสู่ระดับผู้นำอุตสาหกรรมทีวีเมืองไทยที่แข็งแกร่งและมีคุณภาพสูงสุด มั่นใจสิ้นปีนี้มีรายได้รวมทะลุ 4.5 พันล้านบาท

ลาดพร้าว-นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) มองว่า นโยบายและมาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ เริ่มกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภคผลักดันให้เกิดเงินหมุนเวียนภายในประเทศดีขึ้น จึงมั่นใจว่าปีนี้จะได้เห็นเจ้าของสินค้ากล้าใช้จ่ายงบโฆษณามากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มสื่อสารมีแนวโน้มใช้งบโฆษณาเพิ่ม เพื่อประชาสัมพันธ์บริการใหม่4G โดยทีวียังเป็นสื่อหลักที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง เพราะมีความคุ้มค่าที่จะใช้พื้นที่โฆษณาด้วยมากที่สุด อย่างไรก็ดี แม้สื่อทีวีจะมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด แต่การแข่งขันก็เข้มข้นและดุเดือดด้วยเช่นกัน คาดว่าเม็ดเงินโฆษณาส่วนใหญ่จะกระจุกตัวในช่องที่ครองเรตติ้ง 5 อันดับแรก ส่วนที่เหลือจะกระจายตัวไปตามช่องที่วางโพซิชั่นนิ่งตัวเองเป็นเซกเมนต์ชัดเจน

ล่าสุด “ช่อง 8” ครองเรตติ้งอันดับ 4 ของประเทศ สามารถปิดยอดขายโฆษณาล่วงหน้าได้แล้วกว่า 50% จากเป้าที่ตั้งไว้ 2000 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 30,000 บาทต่อนาที จากปีที่แล้วที่ 20,000 บาทต่อนาที โดยมีราคาเสนอขายสูงสุดในช่วงละครและรายการยอดนิยมอย่าง "8 MAX มวยไทย" และ "มวยไทยตัดเชือก" ประมาณ 250,000-300,000 บาทต่อนาที ซึ่งขณะนี้ถือเป็นรายการมวยที่มีเรตติ้งสูงสุดของประเทศ และจะทยอยขึ้นราคาในทุกไตรมาสตามเรตติ้งที่เพิ่มขึ้น จึงเชื่อมั่นว่าส่วนที่เหลือจะสามารถปิดดีลยอดขายโฆษณาได้ตามเป้าอย่างแน่นอน

ปัจจัยที่สนับสนุนให้ปิดยอดขายโฆษณาได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการอาศัยจุดแข็งเป็นบริษัทบันเทิงครบวงจร ด้วยการดึงทุกกลุ่มธุรกิจในเครือผนวกกำลังเข้าส่งเสริมซึ่งกันและกันเป็นข้อได้เปรียบสร้างรายได้ครอบคลุมทุกมิติ และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการผลิตคอนเทนต์โดนใจผู้ชม ได้แก่ ละคร วาไรตี้ กีฬา และข่าว รวมทั้งมีเทคนิคการจัดผังเวลาได้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ผู้ชม ทำให้ครองใจผู้ชมทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล โดยเฉพาะต่างจังหวัดได้อย่างเหนียวแน่น

ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปีนี้จะมุ่งมั่นตอบโจทย์สู่ระดับผู้นำอุตสาหกรรมทีวีเมืองไทย ที่แข็งแกร่งและมีคุณภาพสูงสุด โดยตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 27% เมื่อเทียบกับปีก่อน ถือเป็นตัวเลขการเติบโตที่แข็งแกร่ง แบ่งสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจสื่อ 65% ได้แก่ ช่อง 8 ประมาณ 70% คลื่นวิทยุคูล93 ประมาณ 20% ช่อง 2 และสบายดีทีวีประมาณ 10% ขณะที่อีก 35% มาจากธุรกิจเพลง, ธุรกิจอีเวนต์ และธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าอัตราการทำกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 10%

สำหรับงบลงทุนด้านคอนเทนต์ปีนี้บริษัทฯ เตรียมไว้ 2 พันล้านบาท โดยให้น้ำหนักกับช่อง 8 มากที่สุด เนื่องด้วยวางช่อง 8 เป็นหัวหอกในการสร้างรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่ปี 2558 ประสบความสำเร็จสร้างเรตติ้งเติบโตมากกว่าเท่าตัว ทำให้คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีเรตติ้งจบอยู่ที่ 7-8 แสนคนต่อนาที จากปัจจุบัน 3.5 แสนคนต่อนาที จึงวางงบลงทุนเฉพาะช่อง 8 มากกว่า 1 พันล้านบาท แบ่งออกเป็น 1 พันล้านบาทสำหรับลงทุนผลิตละครใหม่ไม่ต่ำกว่า 30 เรื่อง เพื่อรองรับการออกอากาศให้ครบทั้ง 7 วัน โดยปัจจุบันช่อง 8 มีทีมผลิตละครแข็งแกร่งครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เป็นผลมาจากขยายโครงสร้างฝ่ายผลิตละคร และเซ็นสัญญารับจ้างผลิตละครให้เฉพาะช่อง 8 อาทิเช่น บริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ของเมย์ เฟื่อง-หนุ่ม กรรชัย, บริษัท เกียรติระพี จำกัด ของเอ๊ะ อิศริยา สายสนั่น เป็นต้น โดยปีนี้จะผลิตละครฟอร์มยักษ์ 1 เรื่องต่อไตรมาส ได้แก่ ล่าดับตะวัน เชลยศึก ระบำไฟ เป็นต้น

ขณะที่อีก 800 ล้านบาทสำหรับลงทุนผลิตรายการวาไรตี้, รายการกีฬา และรายการข่าวทุกช่อง ส่วนที่เหลืออีก 200 ล้านบาทสำหรับการลงทุนพัฒนาระบบไอทีและโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการจดจำและรับรู้ช่อง 8 ออกอากาศหมายเลข 27 โดยเริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา ได้ทยอยติดตั้งป้ายโฆษณากลางแจ้ง “ช่อง 8” ทุกจุดสำคัญทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่และเส้นทางเดินรถระหว่างเมืองจำนวนกว่า 400 แห่ง จากนั้นในวันที่ 1 มีนาคมเป็นต้นไป จะติดตั้งสื่อบิลบอร์ดทางด่วน, จอแอลอีดีบนรถเมล์ ตลอดจนจอแอลอีดีที่สนามบินสุวรรณภูมิ, สถานีรถขนส่งหมอชิต, สถานีรถไฟหัวลำโพง รวมถึงจอทีวีในจุดสาธารณะประเภทต่างๆ

ส่วนแผนธุรกิจช่อง 2 เดินหน้าสร้างคอนเทนต์ให้สอดรับกับคอนเซ็ปต์ใหม่ "ช่อง 2 บันเทิง มาเต็ม" ด้วยการเพิ่มทีมข่าวบันเทิงมืออาชีพเต็มรูปแบบกว่า 60 ชีวิต เกาะติดรายงานสดทุกสถานการณ์บันเทิง มุ่งเป้าเร็วที่สุดเข้มข้นที่สุด รวมทั้งดึงละครดังจากอาร์เอสฯ ออกอากาศดันเรตติ้งถึง 3 ช่วงเวลา ได้แก่ ละครช่วงเช้าเวลา 6.30 น., ละครช่วงเที่ยงเวลา 11.30 น. และละครช่วงเย็นเวลา 18.30 น.

ด้าน ธุรกิจเพลงยังคงเดินหน้าตอบโจทย์กลุ่มผู้ฟังทุกเพศทุกวัย ทั้งลูกทุ่งแท้ หมอลำ เพื่อชีวิต ป๊อบ แดนซ์ อาทิ ฟิล์ม รัฐภูมิ, ปาน ธนพร, แบล็ควานิลลา, เอก สุระเชษฐ์, โก๊ะ นิพนธ์, กามิกาเซ่ เน็ก, ใบเตย อาร์สยาม, กระแต อาร์สยาม, จ๊ะ อาร์สยาม, จินตหรา พูนลาภ อาร์สยาม, บ่าววี อาร์สยาม, หลวงไก่ อาร์สยาม, กุ้ง สุธิราช อาร์สยาม,สโมสรชิมิ ฯลฯ แบ่งเป็น 4 ค่ายหลักด้วยกัน ได้แก่ ค่ายกามิกาเซ่, ค่ายเยส! มิวสิก, ค่ายการ์เด้น และค่ายอาร์สยาม โดยมองว่าแม้กระแสธุรกิจเพลงจะเปลี่ยนไป แต่จะยังคงสร้างศิลปินใหม่ๆ ตลอดจนพัฒนาและผลิตผลงานเพลงหลากหลายสไตล์ เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดและความต้องการของแฟนเพลง ดังนั้น ปีนี้จะได้เห็นผลงานเพลงออกมาป้อนตลาดมากกว่า 100 ซิงเกิ้ล และเพลงประกอบละครอีก 30 เพลง แต่ให้ความสำคัญกับช่องทางเข้าถึงผู้ฟังผ่านโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คทุกช่องทางชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นยูทูบ rsfriends, welovekamikaze, rsiammusic เพื่อตอบสนองผู้ฟังทุกกลุ่มแฟนเพลง และค่ายเพลงลูกทุ่งอย่างค่ายอาร์สยาม รวมถึงแฟนละคร โดยมีไฮไลต์เตรียมสร้างมิติใหม่ให้กับวงการเพลงได้เซอร์ไพรส์กับมุมมองการสร้างสรรค์งานผ่านมิวสิควิดีโอใหม่ๆ รวมทั้งงานอีเวนต์ใหญ่ๆ อีกหลายโปรเจกต์ ทั้ง The Rsiam ปี 2 และกิจกรรมแซ่บหลายสบายดี

ขณะที่คูล93ฟาเรนไฮต์ มีอัตราการเติบโตสวนกระแสภาพรวมธุรกิจวิทยุ ดูได้จากเรตติ้งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของ “ออนแอร์” และ “ออนไลน์” อันเป็นผลมาจากแบรนด์ที่แข็งแกร่งและจัดกิจกรรม “ออน กราวน์” อย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น ในปีนี้จะได้เห็นรุกจัดกิจกรรมต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานผู้ฟังเพิ่มขึ้นต่อไป โดยมั่นใจจะยังคงรักษาแชมป์เรตติ้งอันดับ 1 คลื่นวิทยุได้แน่นอน