ลาดพร้าว-นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี2558 การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศมีการชะลอตัว ทำให้เม็ดเงินโฆษณาจากสินค้าและบริการได้รับผลกระทบตามไปด้วย ในสภาวะที่เม็ดเงินโฆษณาหดตัวเช่นนี้ ช่องทีวีที่ได้รับความนิยมสูง มีเรตติ้งในอันดับท็อปของประเทศอย่าง “ช่อง 8” “ช่อง2” “สบายดีทีวี” และ “You Channel” ของกลุ่มอาร์เอส จะมีความได้เปรียบคู่แข่งในการแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณา และมีความสามารถในการแข่งขันสูง ซึ่งสะท้อนออกมาในผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 835.8 ล้านบาท มาจาก 3 ธุรกิจหลักด้วยกัน ได้แก่ ธุรกิจสื่อ 588.5 ล้านบาท, ธุรกิจเพลง 86 ล้านบาท และธุรกิจอีเวนต์ 95.2 ล้านบาท โดยในไตรมาสนี้สามารถทำกำไรสุทธิเท่ากับ 42.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณอันดีต่อผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะสดใสรับอานิสงค์จากธุรกิจสื่อเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น โดยมี “สถานีโทรทัศน์ช่อง 8” ยังคงเป็นหัวหอกทำรายได้หลักและส่งผลดีต่อผลประกอบการเติบโตได้ในระยะยาว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของ “ธุรกิจสื่อ” มีรายได้ 588.5 ล้านบาท ลดลง 48% แต่หากไม่นับรวมรายได้การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก2014 รายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ยังคงเติบโต 28% และธุรกิจวิทยุเติบโต 18% โดยเฉพาะ “ธุรกิจโทรทัศน์” ที่ทุกช่องของอาร์เอส ได้แก่ “ช่อง 8” “ช่อง2” “สบายดีทีวี” และ “You Channel” มีการพัฒนาคุณภาพรายการให้โดนใจผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรตติ้งของทุกช่องเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งนี้เป็นผลมาจากคอนเทนต์มากกว่า 90% บริษัทเป็นผู้ดำเนินการผลิตเอง ทำให้มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบ และมีความคุ้มค่าในการลงทุนคอนเทนต์ที่สูงกว่า
โดย “สถานีโทรทัศน์ช่อง 8” มีเรตติ้งเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถรักษาแชมป์อันดับ 4 ของประเทศไว้ได้ และยังสามารถขยายกลุ่มคนดูในเมืองและหัวเมืองใหญ่ได้สำเร็จ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ทุกเดือน ทำให้ผังรายการมีคุณภาพและความหลากหลาย อาทิ การเพิ่มเวลาออกอากาศละครจาก 3 วันเป็น 5 วันต่อสัปดาห์ โดยไตรมาสนี้ละครที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ “ลิเกหมัดสั่ง” และ “เพลิงพ่าย”
อีกทั้งยังเพิ่มคอนเทนต์ประเภทซีรีส์อย่าง “หลวงพี่ดิจิตอล” และ “ลุ้นรักข้ามรั้ว” ออกอากาศในวันเสาร์และอาทิตย์ทำให้ดึงสายตาคนดูคอละครมาอยู่ในวันหยุดเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มคอนเทนต์รายการข่าวกระจายออกอากาศตลอดทั้งวัน ขณะเดียวกันได้เพิ่มและพัฒนาคอนเทนต์รายการวาไรตี้ให้มีความเข้มข้นและหลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้ซื้อลิขสิทธิ์รายการกีฬาจากต่างประเทศ ได้แก่ “ศึกมวยโลก ช่อง 8 HBO Boxing” และ “UFC มวยกรง 8 เหลี่ยม” อีกด้วย
ส่วน “สถานีโทรทัศน์ช่อง 2” ได้มีการพัฒนาและปรับรูปแบบของช่อง โดยการเพิ่มคอนเทนต์และชูคอนเซ็ปต์เป็น “สถานีข่าวลึก บันเทิงร้อน” นำเสนอรายการรูปแบบใหม่ที่เข้มข้น เจาะลึก ทันเหตุการณ์มากที่สุดและเร็วที่สุดในประเทศ มุ่งขยายฐานสู่กลุ่มเป้าหมายที่มีไลฟ์สไตล์สนใจข่าวความเคลื่อนไหวที่มีสีสันของวงการบันเทิงไทยและต่างประเทศ ซึ่งผลปรากฎได้รับความสนใจจากผู้ชมเพิ่มมากขึ้น
ด้าน ผลการดำเนินงานของ “ธุรกิจเพลง” เป็นไปตามคาดหมาย ส่วนหนึ่งมาจากการจำหน่ายแผ่นเพลงและยอดดาวน์โหลด อีกส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการให้บริการมิวสิก สตรีมมิ่ง (Music Streaming) และยูทูบ (Youtube) รวมถึงการจับมือกับยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง “ไลน์ (LINE)” ผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นแชตจากประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ มองว่าผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะสดใสกว่าครึ่งปีแรก โดยยังมี “สถานีโทรทัศน์ช่อง 8” เป็นหัวหอกสำคัญ เนื่องด้วยมีแผนในการเติมคอนเทนต์ลงใน “ช่อง 8” อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ รายการวาไรตี้ใหม่ อาทิ ดาวประจำเมือง, บิ๊กเฮง, จิ๋วซ่า เป็นต้น ขณะเดียวกันเตรียมผลิตละครใหม่อีกกว่า 10 เรื่อง อาทิ ดอกซ่อนชู้, สุดแต่ใจจะไขว่คว้า, เจ้าสาวเฉพาะกิจ, ล่าดับตะวัน เป็นต้น รวมไปถึงซิทคอม และละครซีรี่ส์ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนละครเพิ่มเป็น 20% จากเดิม 15% ขณะที่รายการวาไรตี้ 50% รายการข่าว 25% และรายการกีฬา 5% ขณะที่ “ธุรกิจเพลง” เตรียมออกซิงเกิ้ลใหม่ต่อเนื่องทั้งศิลปินเพลงไทยสากลและเพลงลูกทุ่ง รวมไปถึงการจัดอีเวนต์ใหญ่ๆอย่าง คอนเสิร์ตลูกทุ่งเฟสติวัลครั้งที่ 5, คอนเสิร์ตสบายดีทีวีสัญจรปีที่ 6 เป็นต้น