"อาร์เอส" ได้ "ช่อง 8-ช่อง 2" เป็นเรือธงดันนักลงทุนสถาบันในประเทศแห่รุมตอมล้นหลาม ชี้เป็นเพราะบริหารเรตติ้งได้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะธุรกิจดิจิตอลทีวีถือเป็นบริษัทน้องใหม่เก๋าประสบการณ์เพียงรายเดียวที่ทำกำไรได้ตั้งแต่ปีแรก เล็งปีหน้าบุกหนักจัดคิวตารางเดินสายโรดโชว์ทุกไตรมาส คาดดันสัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างชาติถือหุ้นเพิ่มเป็น 15%
ลาดพร้าว-นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการได้รับเกียรติเชิญเข้าร่วมงานธนชาต เอ็กซ์คูลซีฟ ลั้นช์ ทอล์ค (Thanachart Exclusive Lunch Talk) และงานทิสโก้ คอร์ปอเรต เดย์ (Tisco Corporate Day) เพื่อให้ข้อมูลธุรกิจแก่กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผลปรากฏว่ากระแสตอบรับดีเกินคาด จึงเชื่อว่านับจากนี้จะได้เห็นสัดส่วนการถือหุ้นบมจ.อาร์เอส หรือ (RS) เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยบริษัทคาดหวังมีกลุ่มนักลงทุนสถาบันเพิ่มขึ้นเป็น 15% ซึ่งถือเป็นระดับที่เหมาะสมในการสร้างเสถียรภาพให้กับราคาหุ้น อีกทั้งถือเป็นการส่งสัญญาณอันดีในการการันตีถึงคุณภาพของบริษัท เนื่องจากปกตินักลงทุนกลุ่มนี้จะมีการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างดีในทุกแง่มุมก่อนตัดสินใจลงทุน
ทั้งนี้ ข้อมูลทางธุรกิจที่โดดเด่นและดึงดูดนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจ "หุ้นอาร์เอส" อย่างล้นหลาม คือ ธุรกิจสื่อ โดยเฉพาะ "ช่อง 8 ดิจิตอลทีวี" เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ที่ทำกำไรทันทีตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาดำเนินธุรกิจ อันเป็นผลจากการมีคอนเทนต์แข็งแกร่งครอบคลุมทุกรส ไม่ว่าจะเป็นละคร วาไรตี้ ข่าว และกีฬาทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัย ส่งผลให้ได้รับความนิยมสูงมีเรตติ้งยอดผู้ชมติดอันดับ 5 ของประเทศในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้น บริษัทฯ เตรียมปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยทั้งวันเป็น 5 หมื่นบาทต่อนาที จากปัจจุบัน 1 หมื่นบาทต่อนาที คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว โดยมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558เป็นต้นไป
นอกจากนี้ "ช่อง 2" เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่นักลงทุนสถาบันจับตามอง เพราะนอกจากมีเรตติ้งยอดผู้ชมอันดับ 1 ของแซทเทลไลท์ทีวีในกลุ่มรายการวาไรตี้แล้ว ยังมีเรตติ้งยอดผู้ชมติดอันดับสูงกว่าดิจิตอลทีวีหลายช่องด้วยกัน อันเป็นผลมาจากมีคอนเทนต์บันเทิงรสแซ่บจัดจ้านตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น เป้าหมายที่จะผลักดันให้มีเรตติ้งยอดผู้ชมอันดับ 1 ของแซทเทลไลน์ทีวีทั้งกลุ่มจึงไม่ใช่เรื่องยาก โดยล่าสุดบริษัทฯ เตรียมปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยทั้งวันเป็น 1 หมื่นบาทต่อนาที จากปัจจุบัน 2 พันบาทต่อนาที โดยมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไปเช่นกัน
อย่างไรก็ดี นางพรพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า เรตติ้งไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แต่การบริหารเรตติ้งให้เกิดผลตอบแทนสูงสุดต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดต่างหาก คือ คำตอบสุดท้ายซึ่งจะทำให้เป็นผู้ชนะในระยะยาวได้ เนื่องจากมองการแข่งขันในอุตสาหกรรมดิจิตอลทีวีเปรียบเหมือนการวิ่งมาราธอน หากทุ่มทรัพยากรโดยไม่ประเมินกำลังให้รอบคอบ อาจหมดแรงก่อนถึงเส้นชัย
ทั้งนี้ ในปี 2558 บริษัทฯ ได้รับการเชิญจากบริษัทหลักทรัพย์ให้ไปเดินสายนำเสนอข้อมูลทางธุรกิจ (โรดโชว์) ให้แก่นักลงทุนสถาบันต่างชาติในต่างประเทศทุกไตรมาส ภายใต้ธีม "เดอะวินเนอร์ในแลนด์สเคปใหม่ของธุรกิจสื่อ" เริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกที่ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 26-27 มกราคม 2558 ต่อด้วยไตรมาส 2 ที่ประเทศญี่ปุ่น และไตรมาส 3 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา