" อาร์สยาม " เจ้าตลาดลูกทุ่งรุ่นใหม่ จับแนวเพลงลูกทุ่งร่วมสมัย...ดันรายได้ 640 ล้าน

Backมีนาคม 23, 2554

"อาร์สยาม" ค่ายเพลงลูกทุ่งอันดับ 1 ของเมืองใทยในเครืออาร์เอส เปิดแผนธุรกิจปี 2011 ชี้ตลาดเพลงลูกทุ่งเมืองไทยต้องเปลี่ยนตามยุคสมัย ยึดไลฟ์สไตล์คนฟังเป็นตัวกำหนดแนวเพลงเน้นทำเพลงให้โดนใจคนทุกเพศทุกวัย เอาใจคนฟังทุกเซ็กเม้นท์หวังครองใจฐานคนฟังเดิมพร้อมดึงคนฟังกลุ่มใหม่ด้วยแนวเพลงลูกทุ่งร่วมสมัย บวกแนวการบริหารด้วย "วันสต๊อป เซอร์วิส  มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง" (One Stop Service Music Marketing) หวังเก็บแชร์การตลาดเพิ่ม คาดเป้าปีนี้ 640 ล้านบาท ไม่ไกลเกินเอื้อม

นายศุภชัย  นิลวรรณ รองกรรมการผู้อำนายการดูแลงานเพลงลูกทุ่ง / ธุรกิจเพลง และกรรมการผู้จัดการค่ายเพลงอาร์ สยาม  บริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันกระแสความนิยมบริโภคเพลงของคนไทยได้ขยับตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากหลากหลายแนวเพลงทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งต่างต้องหาจุดเด่นจุดขายเพื่อจะครองใจคนฟังให้ได้มากที่สุดอาร์สยามเองก็ถือเป็นค่ายเพลงหนึ่งที่ต้องมีการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคและให้ทันตามยุคสมัยหรือที่เราเรียกว่า ลูกทุ่งร่วมสมัยและจากนี้ไปอาร์สยามจะมีการทำเพลงโดยสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของบุคคลในทุกระดับอาชีพทั้งคนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดออกมาในรูปเสียงเพลง  รวมทั้งเลือกสรรและผลักดันศิลปินหน้าใหม่ที่มีความสามารถออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง บวกกับกลยุทธ์ One Stop Service Music Marketing ที่มองหาพันธมิตรที่มีลูกค้าเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกันร่วมทำตลาด เน้นบริหารรายได้แบบ 360 องศา โดยอาศัยจุดแข็งด้านสื่อและศิลปินที่มีอยู่ สร้างความพอใจให้ลูกค้าในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ การเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า การจัดกิจกรรมโรดโชว์ต่างๆ การจัดคอนเสิร์ต หรือการผูกบุคลิกของศิลปินเข้าไปกับตัวสินค้า หรือการ Tie-in สินค้าเข้าในมิวสิควีดีโอ เป็นต้น ถือเป็นกลยุทธ์ช่วยบริหารความเสี่ยงและลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้เป้ารายได้ในปี 2011 ที่เราตั้งไว้ 640 ล้านบาทนั้นเป็นไปตามเป้าแน่นอน

สำหรับภาพรวมของตลาดเพลงลูกทุ่งในปัจจุบันมีการขยายตลาดเพิ่มขึ้นมากจากแนวเพลงที่หลากหลายขึ้นเพื่อตอบโจทย์คนฟังในทุกเซ็กเม้นท์ทั่วประเทศทำให้เกิดลูกทุ่งแนวใหม่ๆทั้งลูกทุ่งสไตล์ป๊อป ลูกทุ่งเกาหลี  ลูกทุ่งร่วมสมัย บวกกับการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นตัวผลักดันให้ต้องปรับตัว โดยปัจจุบันตลาดเพลงลูกทุ่งทั่วประเทศน่าจมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยที่อาร์สยามมีส่วนแบ่งตลาดเพลงลูกทุ่งอยู่ที่ 40 % แบ่งสัดส่วนรายได้จากคนต่างจังหวัด 50% และคนกรุงเทพฯ 50% ซึ่งในอดีตรายได้จากยอดขายแผ่นซีดีและวีซีดี( Physical) เมื่อเทียบกับดิจิตอล คิดเป็น 80 : 20% แต่ด้วยการเข้ามาเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้ฟังทำให้ปัจจุบันอาร์สยามมียอดรายได้เปลี่ยนไปจากเดิมคือรายได้ยอดขายแผ่นซีดีและวีซีดี ( Physical) เมื่อเทียบกับดิจิตอล มีสัดส่วนประมาณ 45 : 55 %   

ในปี 2011 อาร์สยามตั้งเป้ารายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 640 ล้านบาท  เติบโตจากปีที่แล้ว 20% จากการบริหารจัดการตามกลยุทธ์ "วันสต๊อป เซอร์วิส มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง" ที่เรามีความแข็งแกร่งและมีคอนเท็นต์ที่สมบูรณ์ ซึ่งรายได้หลักจะมาจากยอดขายแผ่นซีดี , วีซีดี , ดีวีดี และ MP3 ( Physical) 23% ธุรกิจดิจิตอล 30% กิจกรรมทางการตลาด 9% ขายสื่อโฆษณา(โทรทัศน์ดาวเทียมช่อง สบายดี) 26% ค่าลิขสิทธิ์ประมาณ 7%  และรายได้จากงานโชว์ศิลปิน 5% อย่างไรก็ตามสำหรับจุดแข็งของอาร์สยาม คือ การปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันกับกระแสและเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา ทำเพลงให้คนกลุ่มใหม่ๆแนวใหม่หรือเพลงลูกทุ่งร่วมสมัยที่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนทุกเพศทุกวัยทุกระดับอาชีพครบทุกเซ็กเม้นท์ครอบคลุมความต้องการของคนฟังทั่วทั้งประเทศ ซึ่งปัจจุบันตลาดเพลงลูกทุ่งทั้งภาคใต้ ภาคเหนือ อีสานและภาคกลางเรามีศิลปินที่มีคุณภาพมีความสามารถและมีเพลงที่โดนใจคนฟังซึ่งทำให้อาร์สยามเป็นค่ายเพลงลูกทุ่งอันดับ 1 ที่ครองใจคนฟังทั่วประเทศ

ส่วนการเข้ามาของเทคโนโลยีนับเป็นโอกาสที่ดีในปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี ซึ่งจริงๆแล้วมองว่าเป็นส่วนดีในการช่วยลดต้นทุนและสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี ซึ่งดูจากรายได้จากการดาวน์โหลดในแคมเปญ  *339 ซุปเปอร์เหมา โหลดลงคอมก็ได้  โหลดใส่มือถือก็ดี" อาร์สยามมีรายได้คิดเป็น 35% เลยทีเดียว นอกจากเทคโนโลยียังเป็นตัวกระจายผลงานของอาร์สยามไปยังกลุ่มคนฟังได้หลากหลายกลุ่มและตรงเป้าหมายมากขึ้นแล้วยังส่งผลให้ยอดการดาวน์โหลดเพลงพุ่งขึ้นตามความนิยมของศิลปิน อันจะเป็นการต่อยอดธุรกิจในสายงานดิจิตอล ได้อีกช่องทางหนึ่งอีกด้วย

"อาร์สยามไม่ได้เอาตัวเองเป็นที่ตั้งแต่ต้องเปิดใจโดยจะสังเกตได้ว่ายุคสมัยและคนฟังเพลงที่เปลี่ยนไปจะเป็นตัวกำหนดแนวเพลงให้ตลาดในปัจจุบันที่ผ่านมาถือได้ว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจะเห็นได้จากรายได้ของปีที่ผ่านมาเติบโตกว่า 45 % และมีกำไรสุทธิเติบโตกว่า 120 % จากปีก่อนหน้านี้  ถือได้ว่าเป็นปีที่อาร์สยามมีกำไรสูงสุดตั้งแต่ดำเนินการมา" นายศุภชัย กล่าวทิ้งท้าย