อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จัดทัพธุรกิจปี 54 ขึ้นแท่นสื่อที่สร้างการรับรู้มากที่สุด ในโมเดิร์นเทรด

Backพฤศจิกายน 25, 2553

"อาร์เอส" หนุน อินสโตร์ มีเดีย รุกธุรกิจปี 54 เต็มกำลัง พร้อมเดินหน้ารุกสมรภูมิชิงกำลังซื้อปราการด่านสุดท้ายของผู้บริโภค ภายใต้แนวคิด ONE STOP SHOP ลุยขยายธุรกิจตั้งรับเทรนด์ สื่อ อินสโตร์ ที่ยังอยู่ในช่วงเติบโต เพียง 9 เดือน สามารถทำรายได้แล้วเกือบ 100 % คาดว่าสิ้นปี 53 น่าจะทำรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย 190 ล้าน ได้อย่างแน่นอน ตั้งเป้าตัวเลขปี 54 เติบโตไม่ต่ำกว่า 30 % มั่นใจภาพรวมตลาดอินสโตร์ มีเดีย ยังโต สร้างโอกาสในการทำธุรกิจ ควบคู่กับการมองหาพาร์ทเนอร์เสริมทัพ

ลาดพร้าว - นายจิรพงศ์ โรจนวาสี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จำกัด ในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของ อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย ในปี 53 นั้น ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยคาดว่าสิ้นปี บริษัทฯ จะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 190 ล้านบาท หรือเติบโต 26 % เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยรายได้ในส่วนนี้คิดเป็น 30% ของกลุ่มมีเดีย และ 10 % ของรายได้ทั้งหมดของอาร์เอส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ภาพรวมธุรกิจของ อาร์เอส ในกลุ่มของ Media Service เติบโตขึ้นเช่นกัน

อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย บริหารสื่อทั้งหมด 3 ประเภทได้แก่ สื่อวิทยุ หรือ P.O.P Radio , สื่อ LCD และ BUS Ad. ซึ่งเป็นการบริหารจัดการสื่อทั้งหมดมาสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างสูงสุด ภายใต้แนวคิด ONE STOP SHOP ปัจจุบัน อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย บริหารและขาย สื่อวิทยุ หรือ P.O.P Radio ในโมเดิร์นเทรด ทั้งหมด 5 แบรนด์ ได้แก่ เทสโก้ โลตัส, เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพลส , บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ , คาร์ฟูร์ และท็อป ซูเปอร์มาร์เก็ต จำนวนกว่า 971 สาขาทั่วประเทศ อีกทั้ง P.O.P Radio ยังเป็นสื่อที่ทำรายได้หลักให้กับบริษัทฯ โดยมีสัดส่วนการทำรายได้อยู่ที่ 90 % จากยอดรายได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นสื่อที่มีการตอบรับเป็นอย่างมากและมีแนวโน้มการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน จากสัดส่วนการซื้อโฆษณาระหว่างลูกค้า (Agency) และเจ้าของสินค้าอยู่ที่ 10% และ 90% แต่ในปีนี้ บริษัทฯได้รับโอกาสและการยอมรับจากลูกค้า (Agency) มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนการซื้อโฆษณามีการเปลี่ยนแปลงเป็นลูกค้า (Agency) 60% และเจ้าของสินค้า 40 % ซึ่งจะเห็นได้ว่าเจ้าของสินค้ามีความพึงพอใจ และตัดสินใจเทงบประมาณกับสื่อประเภทนี้มากขึ้นโดยผ่าน Agency อีกทั้งสื่อ P.O.P Radio ที่มีการบริหารจัดการโดย อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย ยังขึ้นแท่น เป็นสื่อที่สามารถสร้างการรับรู้ได้มากที่สุด ในโมเดิร์นเทรด จากการสำรวจของ นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช อีกด้วยในขณะที่สื่อ LCD จะเน้นไปที่การจัดกิจกรรมให้โดดเด่น สร้างจุดสนใจ ให้กับคนเดินห้างให้รู้จัก และมีส่วนร่วมกับกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เปลี่ยนไปเป็นการสื่อสารแบบ 2 ทาง (Two Way Communication) อันจะสร้างการรับรู้โดยตรงกับผู้บริโภค สามารถโน้มน้าวใจ และทำให้ยอดขายสินค้าเพิ่มขึ้นในที่สุด นอกจากนั้นสื่อประเภท BUS Ad. ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เริ่มต้นโปรเจค Bus Ad. กับรถโดยสารประจำทางปรับอากาศประเภทตอนเดียว หรือ City Bus Ad. จำนวน 2 สาย คือ สาย 92 และ สาย 8 จำนวน 49 คัน ซึ่งได้รับความสนใจและการตอบรับจากเจ้าของสินค้าเป็นอย่างดี

สำหรับแผนธุรกิจในปี 54 นั้น บริษัทฯ จะมุ่งลงทุนในสื่อใหม่ๆที่มีการยอมรับและตรงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดยเน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เข้ามาช่วยเสริมให้สื่อน่าสนใจและได้รับความนิยม พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ด้านการขายที่คงเน้นหาพาร์ทเนอร์ใหม่ๆเข้ามาทำธุรกิจร่วมกัน เพื่อสร้างโอกาสทางการขายให้มีปริมาณที่สูงขึ้น และในขณะเดียวกันยังช่วงลดต้นทุนต่างๆได้อีกด้วย

การขยายธุรกิจในการบริหารสื่อ P.O.P Radio เราจะเพิ่มช่องทางในการทำธุรกิจ ในรูปแบบ Community media คือ การขยายสื่อไปยังชุมชนต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างกับรายการปัจจุบันใน โมเดิร์น เทรด นอกจากนั้นบริษัทฯยังมีแผนขยายสื่อประเภท Bus Ad. พร้อมกับขยายสัมปทานเพิ่มเติม อีก 1 สาย หรือกว่าอีก 40 คัน ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า โดยเจาะกลุ่มลูกค้าใจกลางเมืองเป็นหลัก ควบคู่กับการพัฒนาโฆษณาบนรถให้มีความทันสมัยมากขึ้น ตลอดจนเดินหน้าพัฒนาสื่อประเภท LCD ด้วยการเน้นการทำกิจกรรมและปรับแผนการขายให้ทันสมัย น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

"ผมมั่นใจว่าแนวโน้มของสื่ออินสโตร์ ยังคงเติบโตต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคในวันนี้เปลี่ยนไป ไม่ได้ซื้อสินค้าครั้งละมากชิ้น แต่จะซื้อเพียงน้อยชิ้นเท่าที่ต้องการ จึงต้องเลือกแบรนด์ที่คุ้มค่าที่สุด จึงทำให้บทบาทของสื่ออินสโตร์ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้บริโภค เข้าไปมีส่วนในการตัดสินใจของผู้บริโภค ที่เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับเชื่อมั่นว่าเมื่อบริษัทฯ มีความพร้อม ผนวกกับความร่วมมือของพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะเป็นอาวุธสำคัญในการรุกธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคาดการรายได้ปี 54 ไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท หรือโตกว่า 30 % " นายจิรพงศ์ กล่าวเพิ่มเติม