“ อาร์เอส ดิจิตอล ” เดินหน้าธุรกิจต่อเนื่อง เพียง 9 เดือนแรก ของปี 53 น่าจะสามารถทำรายได้เกือบ 100 % เชื่อแนวโน้มคนรุ่นใหม่เปิดรับ และคุ้นเคยการใช้ชีวิตกับดิจิตอลมากขึ้น เผยเตรียมความพร้อมเต็มที่รองรับระบบ 3 G แบบไร้กังวล เข้ามาเมื่อไหร่พร้อมใช้งานได้ทันที หวังช่วยหนุนธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด ลั่นภาพรวมตลาดเติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 30-40 % ธุรกิจดิจิตอลของ อาร์เอส ก็ยังมีโอกาสเติบโตและขยายงานได้อีกมากเช่นเดียวกัน
นายวรพจน์ นิ่มวิจิตร รองกรรมการผู้อำนวยการ ดูแลหน่วยธุรกิจอาร์เอส ดิจิตอล บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดดิจิตอลของเมืองไทยเติบโตขึ้นมาก เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจติดตามข้อมูลข่าวสารกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Twitter ,Face book ,Hi 5 หรืออุปกรณ์การสื่อสารที่มีความทันสมัยอย่าง Smart Phone , I Pad ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อคนทั่วทุกมุมโลกเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ทำให้การติดต่อสื่อสารแบบไร้สายได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลก ปัจจุบันในเมืองไทยมีผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ อยู่ที่ประมาณ 18-19 ล้านคน และใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อการติดต่อสื่อสารถึง 65 ล้านคน อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต
อาร์เอส ในฐานะผู้นำตลาดด้านดิจิตอลคอนเทนต์ ของเมืองไทย ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง หากแต่มุ่งเดินหน้าพัฒนาคอนเทนต์ รวมถึงบริการที่มีอยู่ให้ทันสมัย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างสูงสุด ซึ่งครอบคลุมทั้งสายงาน ดิจิตอลโมบาย และดิจิตอลออนไลน์ โดยเชื่อว่าสิ้นปี 53 สายงานอาร์เอส ดิจิตอล น่าจะสามารถทำรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเพียง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ คาดว่าจะทำรายได้เกิน 100 % หรือกว่า 400 ล้านบาท ยังเหลือระยะเวลาอีก 3 เดือนก่อนจบปี 53 สายงานดิจิตอล น่าจะปั๊มรายได้จนทะลุเป้าหมายที่วางไว้นั้น มีความเป็นไปได้สูงเลยทีเดียว
สำหรับการประมูล 3 G ที่มีการเลื่อนออกไปนั้น ส่งผลกระทบกับบริษัทฯน้อยมาก เนื่องจากเราไม่ได้สูญเสียฐานลูกค้าเดิมไป แต่หากวิเคราะห์แล้วสิ่งที่เสียไปน่าจะเป็นโอกาสในการทำตลาดใหม่ๆมากกว่า หากระบบ 3 G สามารถใช้งานได้จริง บริษัทฯ ก็พร้อมและสามารถเปิดให้บริการได้ทันที เนื่องจากได้ทำการวางแผน ทดสอบระบบ และเตรียมความพร้อมของบริการไว้เรียบร้อยแล้ว นอกจากเราจะมีโอกาสขยายงานในสายงานดิจิตอลแล้ว บริษัทฯ ยังจะสามารถต่อยอดธุรกิจในสายงานอื่นๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจเพลง , ภาพยนตร์ ,โชว์บิซ , โทรทัศน์ ฯลฯ หรือต่อยอดการทำธุรกิจใหม่ๆ อีกมากมาย อาทิ ทีวี โมบาย , คาราโอเกะ บนมือถือ , ถ่ายทอดสดคอนเสิร์ต และ ให้แฟนคลับได้ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว รวมถึงกิจกรรมประจำวันของศิลปินคนโปรดแบบง่ายๆ ผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวยังจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สำคัญ ในการเผยแพร่คอนเทนต์ที่มีอยู่ของ อาร์เอส ให้เข้าถึง และใกล้ชิดกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าเมื่อบริษัทฯ เปิดให้บริการต่างๆในระบบ 3 G น่าจะมีส่วนทำให้รายได้ในสายงานดิจิตอลเติบโตแบบก้าวกระโดด หรือเพิ่มขึ้น 50-70 % เลยทีเดียว
มองในวงกว้างหากระบบ 3 G สามารถเปิดใช้บริการได้จริง น่าจะส่งผลบวกกับหลายส่วนไม่ว่าจะเป็น ระบบการศึกษา การเชื่อมโยงข้อมูลทางการเงินทั้งในและต่างประเทศ การติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ อันจะเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ นอกจากนั้นยังเป็นการกระตุ้นการลงทุน เกิดการจ้างงาน ส่งผลให้เม็ดเงินภายในประเทศสะพัดเพิ่มขึ้นอีกด้วย
“ จากนี้ไปเราจะเดินหน้าธุรกิจบนความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก โดยไม่ยึดติดกับเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องทำควบคู่กันไป ภาวะการแข่งขันที่ดุเดือด ก็เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ แต่เรามองว่าปัจจุบันทุกคนต้องแข่งขันกับตัวเอง ใครที่ปรับปรุง พัฒนาสินค้า และบริการให้ตรงใจผู้บริโภคมากที่สุด ก็จะสามารถเดินหน้าธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง หากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัยเข้ามาก็น่าจะเป็นโอกาส ให้ บริษัทฯ ได้ขยายช่องทางในการทำธุรกิจ ตลอดทั้งเปิดตลาดใหม่ๆ ที่จะทำให้ผู้บริโภคได้เข้าถึง และใช้สื่อดิจิตอลให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ” นายวรพจน์ กล่าวทิ้งท้าย