อาร์เอสรุ่ง... ผลประกอบการ ไตรมาส 2/53 ทะลุเป้า ทำรายได้ 1,031ล้านบาท ดันกำไรพุ่งถึง 145 ล้านบาท

Backสิงหาคม 17, 2553

อาร์เอส ทำรายได้และกำไรโตสวนกระแสเศรษฐกิจ แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 53 สดใสไร้กังวล ทำรายได้รวมกว่า 1,031 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท เติบโตแบบก้าวกระโดด คาดครึ่งปีหลัง ธุรกิจบันเทิงและกีฬายังคึกคัก ผู้คนมุ่งหาความบันเทิงหลังจากเคร่งเครียดกับเหตุการณ์บ้านเมือง ผนวกกับเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ หนุนให้รายได้และกำไรของ อาร์เอส เติบโตตามเป้า

ลาดพร้าว - นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2553 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,031.96 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 540 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 110  และปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก ที่ 496.22 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 92

ทางด้านของความสามารถในการทำกำไร บริษัทฯมีผลกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีกำไรสุทธิ 16.4 ล้านบาทถึง 9 เท่าตัวหรือ 800 เปอร์เซนต์ ทั้งนี้ เหตุผลหลักของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ มาจากประสิทธิภาพในการบริหารภาพรวมของธุรกิจเพลง และการเติบโตของการจำหน่ายเพลงผ่านช่องทางดิจิตอล ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตราการทำกำไรสูง นอกจากนี้ยังมีกำไรจากการบริหารจัดการลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกเข้ามาเสริมอีกด้วย ทำให้อัตราการทำกำไรสุทธิของบริษัทฯเติบโตจากประมาณ 3 เปอร์เซนต์ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 14 เปอร์เซนต์ในปีนี้

ทั้งนี้อาร์เอส เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การเป็นผู้บริหารจัดการการถ่ายทอดสดการแข่งขัน 2010 ฟีฟ่า เวิล์ดคัพ เซาธ์ แอฟริกา (2010 FIFA World Cup South Africa ) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งมีการถ่ายทอดสดระหว่างวันที่ 11 มิ.ย.-11 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ชมและรายได้ที่มีเข้ามา โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลักๆ ดังนี้ กลุ่มแรกมาจากการขายแพ็คเก็จสปอนเซอร์ รายได้ส่วนที่ 2 มาจากการต่อยอดกิจกรรมได้แก่ กิจกรรมการทายผลบอลโลกกับแคมเปญ I Love World และ แคมเปญ *2010 รู้ง่ายได้เลยกับบอลโลก ส่วนสุดท้ายเป็นรายได้ที่มาจาก กิจกรรม On Ground Activity  8 จุด ทั่วประเทศ และการจัดเก็บลิขสิทธิ์จากร้านค้าที่ถ่ายทอดบอลโลกโดยนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์เท่านั้น อันจะเห็นได้ว่ารายได้ที่มาจากธุรกิจสปอร์ต ใน Q2/53 นั้น มาจากการบริหารลิขสิทธิ์บอลโลกเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น โดยรายได้ที่เหลือจะทยอยรับรู้อีกในภายในไตรมาส 3 ของปีนี้  โดยในไตรมาส 2 ของปี 53 สามารถทำรายได้ไปกว่า  447.53 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 434.63 ล้านบาท หรือโตแบบก้าวกระโดดกว่า 3,368.5 %   

ในขณะเดียวกันธุรกิจเพลงภายใต้กลยุทธ์ ฟูลลี่ ดิจิตอล มิวสิค(Fully Digital Music) ก็ยังคงเป็นดาวเด่น และเดินหน้าไปได้สวยเช่นกัน สามารถทำรายได้ไปกว่า 267.39 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 82.77 ล้านบาท หรือโตขึ้น 44.8 % ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการขายเพลงผ่านช่องทางการจำหน่ายแบบดิจิตอล (Digital Distribution) มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆปี โดย บริษัทฯได้ออกแคมเปญ ซุปเปอร์เหมา *339 ภายใต้แนวคิด ใครๆก็ไม่เหงา เพราะมีซุปเปอร์เหมาเป็นเพื่อน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ที่นิยมชมชอบการดาวน์โหลดเสียงเพลงรอสาย และบริการริงโทน จนทำให้แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมียอดสมาชิกแล้วกว่า 3 ล้านราย จึงได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองขึ้น พร้อมกับจัดกิจกรรมพิเศษ ซุปเปอร์เหมาใจป้ำ แจกทองทุกวัน เพื่อคืนกำไรให้กับลูกค้าสมาชิก

ในขณะที่ธุรกิจโชว์บิซ (Showbiz) ก็ยังเดินหน้าได้ดี ไตรมาส 2 ทำเงินไปแล้วกว่า 114.53 ล้านบาท  ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 1.6 %  โดยในไตรมาสนี้มีคอนเสิร์ตใหญ่อย่าง Kamikaze Wave Concert  ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับธุรกิจภาพยนตร์ (Film) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.08 ล้านบาท หรือโตขึ้น 36.9 % จากภาพยนตร์เรื่อง "สามย่าน" ที่ออกฉายในไตรมาสนี้  อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากตัวเลขผลประกอบการรวมในครึ่งปีแรก จะเห็นว่า บริษัทฯ ยังสามารถสร้างอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของรายได้และกำไร  ซึ่งเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปีก่อน

"  การดำเนินธุรกิจของ อาร์เอส จนถึงสิ้นปีนี้ จะยังคงเน้นการเป็นผู้ผลิตและบริหารจัดการคอนเทนต์บันเทิง และกีฬา อย่างต่อเนื่อง  โดยยังคงเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานในทุกหน่วยธุรกิจ และบริหารต้นทุนอย่างระมัดระวัง อันจะเห็นได้จากอัตราการทำกำไรปรับตัวดีขึ้นมาตามลำดับ แม้ว่าปัจจัยลบทางธุรกิจทั้งเรื่องปัญหาทางการเมือง รวมถึงภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น แต่เราเชื่อว่าคนไทยยังต้องการความบันเทิง และด้วยการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค จะเป็นส่วนช่วยในการผลักดันให้ผลการดำเนินงานให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน " นายดามพ์กล่าวทิ้งท้าย