อาร์เอสเผยรายได้ Q3/51 ทำกำไรสวนวิกฤติเศรษฐกิจ ชี้ธุรกิจดิจิตอล-สื่อในโมเดิร์นเทรดรุ่ง

Backพฤศจิกายน 18, 2551

อาร์เอสเผยรายได้ Q3/51 ทำกำไรสวนกระแสวิกฤติเศรษฐกิจ อันเป็นผลจากการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิตอล คอนเทนต์ พร้อมก้าวเป็นผู้นำเครือข่ายความบันเทิงครบวงจร ที่ครอบคลุมทุกเซกเม้นต์ทั้งคอนเทนต์ทางด้านบันเทิงและกีฬา โดยในไตรมาส 3/51 ทำรายได้รวมกว่า 544 ล้านบาท

ลาดพร้าว - นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 3 ปี 2551 มีรายได้รวม 543.52 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 23.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่บริษัทฯขาดทุนสุทธิ 90.3 ล้านบาท ทำให้ไตรมาส 3 บริษัทฯ พลิกจากขาดขุนเป็นกำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 67.1 ล้านบาท หรือเติบโต 489% เลยทีเดียว

โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นรายได้จากธุรกิจสื่อโมเดิร์นเทรด ที่ได้รับผลการตอบรับจากเอเจนซี่ และลูกค้าจำนวนมาก โดยขณะนี้มีสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมากสนใจซื้อเวลาโฆษณายาวจนถึงสิ้นปี 2551 เนื่องจากผู้ประกอบการต่างเล็งเห็นว่าช่องทางการสื่อสารวิธีนี้สามารถเข้าถึงการผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ณ จุดขาย และเป็นสื่อที่ช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี โดยในไตรมาส 3 นี้ ธุรกิจสื่อในโมเดิร์นเทรดซึ่งเป็นธุรกิจดาวรุ่ง ภายใต้การบริหารงานของบริษัทอาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จำกัด เติบโตถึง 331% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนธุรกิจโขว์บิซทำรายได้ไปกว่า 177 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้มาจากการจัดคอนเสิร์ตและอีเว้นท์หลายงาน อาทิ คอนเสิร์ตปาน-ธนพร, คอนเสิร์ตซิลลี่ฟูล-อีโบล่า, กิจกรรมผ้าป่าสนั่นเมืองของค่ายเพลงลูกทุ่งอาร์สยาม, กิจกรรม School Tour รวมถึงการรับงานอีเว้นท์ให้กับหลายๆหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างๆ

ขณะที่ธุรกิจดิจิตอล ก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยทำรายได้กว่า 72 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 33 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปีก่อน โดยบริษัทฯเชื่อว่าธุรกิจดิจิตอลจะยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตอีกด้วย

ในขณะที่ธุรกิจเพลงซึ่งเป็นธุรกิจต้นน้ำทำรายได้กว่า 107 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนถึง 20 ล้านบาท สืบเนื่องมาจากการปรับโมเดลทางการตลาดของธุรกิจเพลงในรูปแบบใหม่ด้วยกลยุทธ์ " Music Segment Champion " กับ 8 กลุ่มแนวเพลง 10 ค่าย พร้อมแบ่งเซกเม้นท์คนฟังกลุ่มเป้าหมายในเชิงลึกและแนวเพลงอย่างชัดเจน โดยเน้นกำหนดจุดยืนในการเป็นแชมเปี้ยนในแต่ละเซกเม้นท์ และสร้างสรรค์งานเพลงอย่างมีคุณภาพ ทำให้ผลงานเพลงที่อาร์เอสผลิตออกมามีความหลากหลายเข้าถึงกลุ่มผู้ฟังและครองใจกลุ่มผู้ฟังเป้าหมายได้มากขึ้น อันมีผลต่อการเติบโตของดิจิตอล คอนเทนต์ในที่สุด

ทั้งนี้ นายดามพ์กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานของบริษัทในช่วง 3 เดือนหลัง กลุ่มธุรกิจต่างๆ พร้อมที่จะเดินหน้าไปตามแผนที่วางไว้ โดยกลุ่มธุรกิจเพลงจะมีกลุ่มอิซี่ลิสซึ่นนิ่งจากค่ายเมลโล่โทนเริ่มมีผลงานออกมาโดยจะเป็นอัลบั้มของ โก้ มิสเตอร์ แซกแมน เป็นศิลปินคนแรกจากค่ายนี้ ตามด้วยอัลบั้มของ ป้อม ออโต้บาห์น ส่วนผู้ฟังเพลงในกลุ่มนักศึกษาและวัยเริ่มต้นทำงานค่ายเพลนตี้ มิวสิค ที่มีสมเกียรติ อริยะชัยพานิชย์ เป็นแม่ทัพก็จะมีผลงานออกมาเช่นกัน ด้านค่ายไนน์ ริคเตอร์ ก็จะส่งผลงานของกลุ่มศิลปินร็อคเลือดใหม่ออกมา ตามด้วยค่ายเรกเก้ วิลเลจที่ส่งอัลบั้มเพลงแนวสกา-เรกเก้ของวงดนตรีคุณภาพอย่างไค-โจ บราเธอร์ ออกมาอีกด้วย

ในส่วนของ Sport Entertainment Business ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ หลังจากที่เปิดตัวสนาม "S-One" บนพื้นที่ 8 ไร่ ริมถนนบางนา-ตราด กม.4 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้บริษัทมีแผนที่จะเปิดอีก 2 สนามภายในกลางปีหน้า โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่สนามละ 100 ล้านบาท รวมทั้งยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่เตรียมจัดขึ้นจากผู้สนับสนุนหลักทั้ง 5 รายคือ พานาโซนิค, เนสกาแฟ, สามารถ ไอ-โมบาย, ยามาฮ่า และ M-150 อีกด้วย

"การดำเนินธุรกิจของอาร์เอสจนถึงสิ้นปีนี้ จะยังคงเน้นการเป็นผู้ผลิตและบริหารจัดการคอนเทนต์บันเทิง และกีฬา อย่างต่อเนื่อง โดยยังคงเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานในทุกหน่วยธุรกิจ และบริหารต้นทุนอย่างระมัดระวัง อันจะเห็นได้จากอัตราการทำกำไรเบื้องต้นและอัตราการการทำกำไรสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 27% และ 5% ตามลำดับ แม้ว่าปัจจัยลบทางธุรกิจทั้งเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึงภาวะวิกฤติเศรษฐกิจจะมีเข้ามามาก ผมยังคงเชื่อมั่นว่า "ท่ามกลางภาวะวิกฤต มักมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ" และจะพยายามผลักดันให้ผลการดำเนินงานของปีนี้และในปีหน้าเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน" นายดามพ์กล่าวทิ้งท้าย