สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ " อาร์เอส "
ใครที่เคยสบประมาทเราไว้ ปีหน้าจะได้เห็นโมเดลธุรกิจ (3S) ของเรา สร้างผลกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
รอบปี 2549 กับเกมบุกที่กลับซัลโวประตู ( ทำเงิน ) ไม่ได้ นัยว่า .. โมเดลธุรกิจ " ยุคดิจิทัล " ของค่าย " อาร์เอส " สงสัยจะ " ไปไม่ถึงดวงดาว " ล่าสุด เฮียฮ้อ ! ประกาศ " ปีหน้า " จะทำกำไรเป็นประวัติการณ์
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ... การเอาชนะ ที่ยากที่สุด ก็คือ การเอาชนะเป้าหมายที่ท้าทายของตัวเอง
ภายหลัง " ตระกูลเชษฐโชติศักดิ์ " หัวเรือใหญ่ของ บมจ . อาร์เอส รุกขึ้นมาปฏิวัติธุรกิจครั้งใหญ่ โดยการปรับโพสิชั่นนิ่งองค์กรใหม่ (Re-branding) จากอดีตนายห้างขายเพลง กลายเป็นเครือข่ายความบันเทิง (The Entertainment Network) ภายใต้นโยบายการบริหารสินทรัพย์ 360 องศารอบตัว
" ใครที่เคยสบประมาทเราไว้ ปีหน้า (2551) จะได้เห็นว่าโมเดลธุรกิจนี้สามารถทำได้จริง และสร้างกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ " สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ " อาร์เอส " กล่าวอย่างท้าทาย
ในปี 2551 เป็นปีที่ " เฮียฮ้อ " หมายมั่นว่า จะถึงเวลาเก็บเกี่ยวดอกผล จาก " ทุน " ที่ได้ลงไปเมื่อ 3 ปีก่อน จะสะท้อนผ่านผลประกอบการที่จะเติบโตแบบก้าวกระโดด มากเป็นประวัติการณ์ ทั้ง 8 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจเพลง ธุรกิจดิจิทัล ธุรกิจโชว์บิซ ธุรกิจภาพยนตร์ ธุรกิจกีฬา ธุรกิจสื่อโทรทัศน์ ธุรกิจสื่อวิทยุ และธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์
ทั้งนี้ ไฮไลต์สำคัญของปีหน้าจะอยู่ที่ " ธุรกิจกีฬา " ผ่าน บริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคราสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ (RSBS)
เฮียฮ้อ บอกว่า ได้เตรียมจัดอีเวนท์กีฬาขนาดใหญ่ 5-6 งาน อาทิเช่น ฟุตบอลฟีฟ่าชิงแชมป์โลก อายุต่ำกว่า 20 ปี , World Cup u -17 และ Woman World Cup เป็นต้น หลังจากที่ได้ลิขสิทธิ์ทางด้านสื่อทุกประเภทของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2 สมัยซ้อน ในปี 2553 และปี 2557
รวมถึง การแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ FIFA The Internation Federation Of Addociation Football ที่ได้รับสิทธิตั้งแต่ปีนี้ ไปถึงปี 2010 และยังได้รับสิทธิบริหารจัดการด้านการตลาด การจัดตั้งสถานีแม่ข่ายถ่ายทอดโทรทัศน์ และการดำเนินการจัดแสง สี แสง พิธีเปิด - ปิด ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 25 ประเทศลาว ในปี 2552
เฮียฮ้อ กล่าวต่อว่า ปีนี้ อาร์เอสได้จัดกิจกรรมกีฬาฟุตบอลขนาดเล็กอย่างการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ FIFA ที่มีอยู่ 7 รายการ อาทิเช่น FIFA U-20 World Cup Canada 2007 (30 มิ . ย .-22 ก . ค .50) FIFA U-17 World Cup Korea (18 ส . ค .-9 ก . ย .50) FIFA Woman\'s World Cup China 2007 (10-30 ก . ย .50) FIFA Beach Soccer World Cup 2007 (1-11 พ . ย .50) Prelminary Draw 2010 FIFA World Cup (23 พ . ย .50) และ FIFA World Player GALA (17 ธ . ค .50)
" ธุรกิจกีฬามีมาร์จินสูงมาก เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆที่เราดำเนินการอยู่ เพราะนอกจากจะบันทึกเงินจากการจัดกิจกรรมแล้ว ยังมีรายได้จากคอนเทนท์ต่างๆ ในรูปแบบใหม่อีกด้วย
ขณะที่ " ธุรกิจดิจิทัล " ก็เป็นอีกตัวที่ อาร์เอสจะให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจการให้บริการเนื้อหาผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
" เราได้คิดคอนเทนท์ใหม่ออกมาเจาะตลาดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น VDO Clip ประตูเด็ด , SMS ชิงโชคทายผลฟุตบอล และนำเพลงลูกทุ่งจากค่าย R-Siam มาทำเป็นเสียงเรียกเข้า เสียงเพลงรอสาย เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนต่างจังหวัด และกลุ่มคนทำงานโรงงาน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเห็นได้จากยอดดาวน์โหลดที่พุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ
... ล่าสุดมีแผนทำ SMS หมอดูออนไลน์ และข้อมูลทางวิชาการ วันนี้ราคาไม่ใช่ประเด็นใหญ่ ขอแค่มีสินค้าตรงใจผู้บริโภคก็เพียงพอแล้ว "
ส่วน " ธุรกิจโชว์บิซ " ถือเป็นอีกตัวที่จะทำกำไรได้ค่อนข้างมาก หลังเข้าไปรุกธุรกิจนี้อย่างจริงจังเมื่อปีก่อน โดยการตั้งหน่วยงานขึ้นมาจัดกิจกรรม และคอนเสิร์ตในประเทศ อย่างในช่วงครึ่งปีหลังเตรียมจัดคอนเสิร์ตของโปงลางสะออน ฟิล์ม แดน - บีม ปาน ธนพร และลิเดีย
ล่าสุดมีแผนจัดตั้งบริษัทย่อยร่วมกับศิลปินที่มีชื่อเสียงในเมืองไทย โดยอาร์เอสจะถือหุ้น 75% เพื่อดำเนินธุรกิจอีเวนท์ และจัดคอนเสิร์ตต่างประเทศ คาดว่าจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการกลางเดือนหน้า
เฮียฮ้อ กล่าวว่า วันนี้ อาร์เอสได้ปรับตัวไปมากพอสมควร แหล่งรายได้ไม่ได้พึ่งพิงเพียงเทป ซีดี และวีซีดี เหมือนในอดีตอีกต่อไป ภายหลังได้ตัดขายโรงงานทิ้งไป แล้วหันมาจ้างผลิตแทน เพื่อลดต้นทุน ปัจจุบันธุรกิจเพลงมีรายได้หลายทางไม่ว่าจะเป็น Digital Content จากการขายผลิตภัณฑ์เพลงทั้งชุดเก่า ใหม่ และรวมฮิตในรูปแบบต่างๆ จากการหาสปอนเซอร์สนับสนุนอัลบั้ม จัดกิจกรรมทางการตลาด และการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลง
บิ๊ก Boss ค่ายอาร์เอส ยังบอกด้วยว่า จุดอ่อนในอดีต ธุรกิจที่เคยกดดันผลประกอบการ วันนี้ ก็ฟื้นตัวมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น " ธุรกิจภาพยนตร์ " ที่ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยทุกเรื่องต้องมีพันธมิตรเข้ามาเป็นผู้สนับสนุน ต้องทำให้ถึงจุดคุ้มทุนตั้งแต่หนังยังไม่เข้าฉาย
เห็นได้จากภาพยนตร์เรื่อง " รักนะ 24 ชม ." ที่มีสปอนเซอร์ร่วมสนับสนุนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น 7-eleven, เนสกาแฟ และยามาฮ่า ขณะที่ในไตรมาส 4 ภาพยนตร์เรื่อง " โปงลางสะอิ้ง " จะเข้าฉาย ล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจากับสปอนเซอร์หลายราย
" จากนี้ไปเราจะตัดขาดจากคำว่า " ขาดทุน " และตั้งนโยบายไว้ว่าภาพยนตร์ทุกเรื่องต้องมีกำไร เพราะจะใช้เงินลงทุนเฉลี่ยเรื่องละ 15-20 ล้านบาทเท่านั้น "
ขณะที่ " ธุรกิจสื่อโทรทัศน์ " จากนี้ไปจะไม่เน้นปริมาณเหมือนในอดีตแล้ว แต่จะเน้นคุณภาพมากกว่า อย่างสื่อโทรทัศน์จะทำเฉพาะรายการที่ทำกำไรเท่านั้น อย่างปัจจุบันมีรายการทั้งหมด 26 รายการ แบ่งเป็นรายการละคร 2 รายการประเภทวัยรุ่น 3 รายการประเภทสาระบันเทิง 7 รายการ และรายการเพลง 14 รายการ
ส่วน " ธุรกิจวิทยุ " ก็จะให้ความสำคัญกับ 3 คลื่นที่มีอยู่ คือ Max 88.5, Cool 93 และ Latte 106 ซึ่งทุกคลื่นเริ่มฟื้นตัวมากขึ้นแล้ว หลังจากปรับกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายให้แตกต่างกันอย่างชัดเจน
สำหรับ " ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ " ใช้เวลาปรับปรุงมาตลอด 2 ปี มาถึงตอนนี้ถือเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์บันเทิงรายวัน dara daily หลังมีกระแสตอบรับดีมาก เห็นจากการที่แวดวงโฆษณา ดารา นักร้อง และสื่อมวลชน เริ่มให้การยอมรับมากขึ้น คาดว่าสิ้นปีนี้จะถึงจุดคุ้มทุน เพราะเนื้อหาแตกต่างจากหนังสือพิมพ์บันเทิงเล่มอื่นๆ
ขณะที่นิตยสารสไตล์ปาปาราซซี dara daily weekend ก็เริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้นเช่นกัน หลังจากเน้นกลยุทธ์ชัดเจน สร้างความต้องการให้กับผู้อ่าน และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วน
" นิตยสาร front เป็นนิตยสารสำหรับผู้หญิงระดับแนวหน้า วันนี้ยังน่าเป็นห่วง เพราะยังไม่มีกำไร ซึ่งคงพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการปรับปรุงอย่างไร ส่วนนิตยสาร fame สามารถตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงได้เป็นอย่างดี " เฮียฮ้อ กล่าวพร้อมทั้งแย้มด้วยว่า ภายในครึ่งปีหลังนี้ จะเห็นธุรกิจของค่ายอาร์เอส เกิดขึ้นใหม่อีก 2 ตัว
โดยล่าสุด มีการจัดตั้ง บริษัท อาร์เอส เฟรชแอร์ เพื่อขยายธุรกิจ ด้านการจัดคอนเสิร์ต และ อีเวนท์ ในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น โดยอาร์เอส ถือหุ้นใหญ่ 74% และกลุ่มนายวินิจ เลิศรัตนชัย ถือหุ้นในสัดส่วน 26%
-------------------------------------------
โมเดล 3S : Style-Speed-Synergy
จากนี้ " อาร์เอส " จะขับเคลื่อนธุรกิจ ไปด้วยกลยุทธ์อย่างไร ?
" เฮียฮ้อ " อธิบายว่า จะใช้สูตร "3S" โดย S ที่หนึ่ง คือ Style วิธีมอง และวิธีหาเงินต้องเปลี่ยนไปจากเดิม เพราะเราได้เปลี่ยนตัวเองจาก " อนาล็อก " ไปสู่ " ดิจิทัล " เมื่อพบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป หลังการเข้ามาของ MP3, MP4 และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งทำหน้าที่มากกว่าเป็นอุปกรณ์สื่อสารทั่วไป
สำหรับ S ที่สอง คือ Speed องค์กรต้องใหญ่ ยืดหยุ่น และไม่อุ้ยอ้าย รวมถึงต้องกระจายอำนาจการบริหารออกไปจากส่วนกลาง (Decentralization) เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน ไม่ต้องมาผูกที่เรา ( เฮียฮ้อ ) คนเดียว
และ S ที่สาม คือ Synergy ทุกธุรกิจต้องแข็งแรง และสามารถเสริมพลังซึ่งกันและกันได้ ( สร้างธุรกิจร่วมกับพันธมิตร ) ถ้าอธิบายง่ายๆ ก็คือ 1+1 ต้องมากกว่า 2