อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย เพิ่มขีดความสามารถเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จ ธุรกิจสื่อโมเดิร์นเทรด

Backสิงหาคม 28, 2552

"อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย" ประกาศเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างสูงสุด ด้วยการเจาะตลาดสื่อโฆษณาเคลื่อนที่ หรือ Bus Ad. ภายใต้กลยุทธ์ "ONE STOP SHOP" พร้อมทุ่มงบกว่า 15 ล้าน ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ เติบโต อย่างน้อย 5 เปอร์เซ็นต์ แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมสื่อในปี 52 จะหดตัว

ลาดพร้าว - นายวิญญลักษณ์ โสรัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จำกัด ในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า ภาพรวมของ อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย ในครึ่งปี 52 ที่ผ่านมานั้น มีรายได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่เป็นเช่นนี้เพราะสื่อโฆษณา ณ จุดขาย (Point of Purchase) ของอาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย มีความครอบคลุมทั้ง สื่อภาพ (LCD) และ สื่อวิทยุ (P.O.P Radio) อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการของเอเจนซี่ และเจ้าของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี ทั้งในแง่ของการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง การสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก รวมถึงการเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในครึ่งปีแรกของปี 52 อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย ทำรายได้ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ของเป้าหมายทั้งปีที่ 145 ล้านบาท โดยรายได้ของ อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย คิดเป็น 6 % ของรายได้ทั้งหมดในเครืออาร์เอส

ล่าสุด อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย เล็งเห็นโอกาสทางการตลาดที่เกิดจากการจราจรบนท้องถนนในกรุงเทพฯ ที่มีการจราจรติดขัด พร้อมทุ่มงบกว่า 15 ล้านบาท กระโดดเข้ามารุกสื่อโฆษณา Bus Ad. แบบครบวงจรทั้งภาพและเสียงโดยมี DCS ผู้เชี่ยวชาญในการใช้ซอฟแวร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถปรับเปลี่ยนข้อมูลได้ทันทีเข้ามาดูแลระบบภาพและเสียงในสื่อโฆษณา Bus Ad.ซึ่งทางบริษัทฯ ได้แบ่งสื่อออกเป็น 2 ประเภทคือ สื่อภายนอกตัวรถ ได้แก่ การแรปสติ๊กเกอร์สินค้ารอบตัวรถ, ท้ายรถ สื่อภายในตัวรถ ที่ประกอบไปด้วย จอภาพ LCD ขนาด 19 นิ้ว จำนวน 4 จุด, การแรปสติ๊กเกอร์ป้ายสินค้าบริเวณเหนือกระจก, ขอบจอภาพ LCD, ด้านหลังพนักพิงของผู้โดยสาร, พื้นทางเดิน , ด้านข้างกระจกรถ รวมถึง การจัดกิจกรรม (Event) ขนาดย่อมภายในตัวรถ และการแจกสินค้าใหม่ให้กับผู้โดยสารได้ทดลองใช้สินค้าทั้งนี้ทางบริษัทฯ มุ่งหวังว่าคอนเทนต์ต่าง ๆ จะทำให้ผู้โดยสารได้รับความบันเทิงตลอดระยะเวลาในการเดินทางและต่อยอดนำไปสู่การเพิ่มยอดขายของลูกค้าต่อไป

โดยบริษัทฯ ได้เริ่มต้นโปรเจค Bus Ad. กับรถโดยสารประจำทางปรับอากาศประเภทตอนเดียว (สีเหลือง) หรือ City Bus สาย 92 และสาย 8 เริ่มต้นที่จำนวน 49 คัน ซึ่งวิ่งผ่านย่านจุดศูนย์กลางหลักของเมืองไม่ว่าจะเป็น อนุสาวรีย์ชัย สะพานพุทธ ลาดพร้าว หมอชิต ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเส้นทางที่มีการจราจรคับคั่ง ทำให้สื่อโฆษณา Bus Ad. สามารถดึงดูดและเข้าถึงสายตาของผู้คนบนท้องถนนได้เป็นจำนวนมากที่คาดว่ามีไม่น้อยกว่า 5-6 ล้านคนต่อวัน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆจนครบทั้งหมด 49 คัน ภายในต้นเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน

ปัจจุบันเอเจนซี่และเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างให้ความสนใจในสื่อ Bus Ad. และตอบรับเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดลงโฆษณาพุ่งขึ้นถึง 70-80% ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภท Consumer Product ทำให้ทางบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถต่อยอดธุรกิจนี้ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งจอภาพ LCD ที่ทางบริษัทฯ มั่นใจว่าเป็นจุดแข็งที่สำคัญของสื่อนี้ เนื่องจากคอนเทนต์ที่ได้รับจากบริษัทแม่อย่าง อาร์เอส มีความหลากหลายและเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งในปีหน้า อาร์เอส ยังได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดบอลโลก 2010 แต่เพียงผู้เดียว จึงทำให้อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย เป็นเพียงบริษัทฯ เดียวที่สามารถนำคอนเทนต์ดังกล่าวมาทำให้สื่อตัวนี้มีความโดดเด่นเป็นที่น่าสนใจและแตกต่างกว่ารถประจำทางทั่วไปมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้จึงถือได้ว่าสื่อโฆษณา Bus Ad. จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สำคัญในการตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ผลิตและผู้บริโภค ภายใต้แนวคิดการ Synergy ธุรกิจทั้งหมดของกลุ่มอาร์เอส มาสนับสนุนซึ่งกันและกันได้อีกด้วย

" ผมเชื่อว่าถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้ยังไม่ค่อยคึกคักมากนัก แต่ถึงอย่างไรผู้บริโภคก็ยังต้องกินต้องใช้ สื่อโมเดิร์นเทรด และ สื่อ Bus Ad. ก็ยังคงเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่เจ้าของสินค้าเลือกใช้ เพราะสามารถจูงใจและกระตุ้นยอดขายได้จริง รวมถึงมีความคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับสื่อประเภทอื่นๆ ผมมั่นใจเหลือเกินว่าเมื่อเราขยายเน็ตเวิร์คได้อย่างสมบูรณ์แบบ สื่อต่าง ๆ ที่เรามีจะเป็นอาวุธที่สำคัญในการรุกธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคาดการณ์รายได้ที่จะมาจากการลงทุนในสื่อ Bus Ad. ในรอบนี้จะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 15-18 ล้านบาท ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้อย่างแน่นอน " นายวิญญลักษณ์ กล่าวทิ้งท้าย