อาร์เอส เบนเข็มหาธุรกิจงานโชว์ จับ "โปงลางสะออน" โกอินเตอร์จัดคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์

Backกันยายน 18, 2551

อาร์เอส เร่งเครื่องท้ายปี ปั๊มรายได้กว่าร้อยล้านบาทจากธุรกิจเพลงลูกทุ่ง จับมือพันธมิตรใช้กลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้งจัดคอนเสิร์ต เวิลด์ทัวร์ "โปงลางสะออน" เบนเข็มจัดงานโชว์ทุกรูปแบบหวังใช้เป็นหัวหอกสร้างรายได้หลักภายใต้โมเดลหลัก 3 รูปแบบที่วางไว้ พร้อมต่อยอดการสร้างมูลค่าศิลปินที่มีศักยภาพสูง เชื่อมั่น "โปงลางสะออน" จะเป็นธงนำให้ธุรกิจงานโชว์เติบโตได้อย่างมั่นคง

สยามนิรมิต - นายศุภชัย นิลวรรณ รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ค่ายเพลงอาร์สยาม บริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจประกอบไปด้วย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต ปูนอินทรี, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า, บริษัท ไอ.เอส.เอ.แวลู จำกัด ผู้ผลิต ปลากระป๋องซูเปอร์ซีเชฟ และบริษัท คังเซน-เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จัดสุดยอดคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ครั้งแรกกับ "เวิลด์ทัวร์ โปงลางสะออน" เดินสายแสดงทั่วโลก อาทิ เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน สวิสเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส นอร์เวย์ เดนมาร์ค และสิงคโปร์ ปิดท้ายปลายปีกับงานแสดงครั้งใหญ่ปลายปีในเมืองไทย ภายใต้ชื่อ "โปงลางสะออน คอนเสิร์ต We are the world เปิดความสนุก จากทุกมุมโลก" ในวันที่ 18-19 ตุลาคมนี้ เพียง 2 รอบเท่านั้น ที่สยามนิรมิต โดยเริ่มเปิดจำหน่ายบัตรที่ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนนี้เป็นต้นไป

สำหรับคอนเสิร์ตของศิลปินโปงลางที่จะมีขึ้นนั้น จะเป็นตัวสะท้อนการทำงานในรูปแบบใหม่ที่บริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงานและสามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน ว่าเข้าถึงกลุ่มคนไม่เฉพาะคอลูกทุ่งในประเทศไทยเท่านั้น แม้แต่คนไทยในต่างแดนหรือคนต่างชาติเองก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และการนำศิลปินลูกทุ่งเดินสายทัวร์รอบโลกครั้งนี้จึงถือเป็นครั้งแรกของวงการเพลงลูกทุ่งที่มีการจัดโชว์เต็มรูปแบบเปิดแสดงอย่างเป็นทางการ

"ธุรกิจเพลงลูกทุ่งของอาร์สยามได้หันมาใช้กลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้งร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจและสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี โดยในส่วนของงานโชว์ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทถึง 30 ล้านบาท และคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีรายได้จากงานโชว์ถึง 50 ล้านบาท ซึ่งตามเป้าหมายที่บริษัทได้วางไว้และเราเองก็มั่นใจในศักยภาพของศิลปินโปงลางสะออนที่จะเป็นศิลปินธงนำในการสร้างรายได้ที่ดีให้กับบริษัท" นายศุภชัยกล่าว

นายศุภชัยกล่าวต่อว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของอาร์สยามในอนาคตนั้นบริษัทจะให้ความสำคัญกับงานโชว์มากขึ้นเนื่องจากเป็นรูปแบบธุรกิจที่อาร์สยามประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยจะเห็นได้จากงานโชว์และคอนเสิร์ตต่างๆ ที่ผ่านมาของอาร์สยามจะได้รับการตอบรับจากผู้ชมอย่างล้นหลาม และสภาพของตลาดในปัจจุบันที่ยอดขายซีดีเพลงและดีวีดีมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดบริษัทจึงต้องหันมาจับธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ที่ดีกว่า

โดยกิจกรรมทางการตลาดหรือโปรเจ็กต์อีเวนท์และคอนเสิร์ตต่างๆนั้น เราจะยังทำกิจกรรมในรูปแบบ Event Road Show และ Event Concert เพื่อตอบสนองนโยบายความต้องการของลูกค้าผู้สนับสนุน โดยอาศัย Music Marketing เป็นแกนหลัก เช่น มหกรรมคอนเสิร์ต 4 ภาค ผ้าป่าสนั่นเมืองเพื่อการศึกษา, มหกรรมคอนเสิร์ตฟ้าสีคราม และอีกหลายๆ คอนเสิร์ต และคอนเสิร์ตโปงลางสะออนที่กำลังจะเกิดขึ้น

"กิจกรรมคอนเสิร์ตต่างๆ ที่มากมายเหล่านี้เกิดขึ้นจากจากลูกค้าให้ความไว้วางใจและให้ความสนับสนุน เพราะอาร์สยามมีจุดแข็งคือมีทั้งศิลปินที่โด่งดังในทุกๆภาค โดยเฉพาะภาคใต้ และภาคอีสาน และมีสื่อที่แข็งแรงในมือทั้งทีวีและวิทยุ ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นและสร้างยอดขาย ทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ได้" นายศุภชัยกล่าว

นายศุภชัยยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของรูปแบบโชว์และคอนเสิร์ตที่จะจัดขึ้นในปีหน้านั้น บริษัทได้วางแผนไว้ 3 รูปแบบคือ 1.ทำเป็นแพ็กเกจสำเร็จรูปขายให้กับลูกค้า 2.ทำตามความต้องการของลูกค้าให้ลูกค้าออกแบบงานที่ต้องการเองและบริษัทจะเป็นผู้ดำเนินการ และ 3.งานโชว์รับจ้างทั่วไป ซึ่งโมเดลทั้ง 3 แบบนี้ก็จะสร้างรายได้และมีความเสี่ยงในการดำเนินงานแตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ตามโมเดลที่บริษัทได้ออกแบบไว้น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าและผู้ชม เนื่องจากบริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพของศิลปินโดยเฉพาะโปงลางสะออนที่ถือเป็นธงนำในการสร้างรายได้ของอาร์สยามในขณะนี้ เพราะศิลปินกลุ่มนี้มีจุดแข็งคือการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลากลุ่มลูกค้าที่เหนียวแน่นคือกลุ่มครอบครัวและเด็กจึงมีความมั่นคงมากกว่าการพุ่งเป้าไปที่กลุ่มวันรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงต่อกระแสง่ายจึงทำให้ 3 ปีที่ผ่านมาศิลปินโปงลางสามารถอยู่ในใจของผู้ชมชาวไทยได้ และถือเป็นศิลปินที่มีมูลค่า (Market Value) ในตลาดอย่างมหาศาล ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยสามารถทำรายได้ในช่องทาง (Windows) ต่างๆทั้งมิวสิค ที่รวมรายได้จากเพลงและวีซีดี คอนเสิร์ต ทำรายได้สูงถึง 600 ล้านบาท จากช่องทางดิจิตัล 40 ล้านบาท จากโชว์บิซที่รวมคอนเสิร์ต อีเว้นท์ และพรีเซนเตอร์ 100 ล้านบาท และจากช่องทางภาพยนตร์และซีรีย์ทางโทรทัศน์อีกกว่า 200 ล้านบาท

"ภาพศิลปินโปงลางฯที่ออกมาทำให้เรามั่นใจว่าการต่อยอดของศิลปินโดยอาศัยศักยภาพที่เขาเหล่านี้มีอยู่ในตัวเองจะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน ซึ่งไม่เพียงแต่ศิลปินกลุ่มนี้เท่านั้นเพราะในตลาดแต่ละภูมิภาคเราก็มีศิลปินที่เป็นจุดแข็งสามารถจับกลุ่มผู้ชมในแต่ละภาคที่มีความต้องการแตกต่างกันออกไป จึงเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกันกับพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้และในอนาคตที่จะเกิดขึ้นต่อไปจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน" นายศุภชัยกล่าวทิ้งท้าย