ปี 2562

อาร์เอสฯ หรือ RS เปลี่ยนหมวดธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์จาก “สื่อและสิ่งพิมพ์” เป็น “พาณิชย์” ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้และการดำเนินธุรกิจพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้น เพิ่มเติม

อาร์เอส เปลี่ยนหมวดธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์จาก “สื่อและสิ่งพิมพ์” เป็น “พาณิชย์” ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้และการดำเนินธุรกิจพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีผลิตภัณฑ์และสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และออนไลน์เป็นของตนเอง ในปีนี้ บริษัทฯ ได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ออกไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งสื่อออฟไลน์ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ ได้แก่ ช่อง 8 ทีวีดาวเทียม 3 ช่อง และคลื่นวิทยุ COOLfahrenheit สื่อออนไลน์บนแพลตฟอร์มของบริษัทฯ ทั้ง www.shop1781.com และ LINE Shop รวมถึงช่องทางการขายตรงชั้นเดียวหรือ LifestarBiz และการจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกสมัยใหม่ทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังร่วมมือเป็นพันธมิตรจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านทีวีดิจิตอลช่องอื่นอีกด้วย

ในเดือนสิงหาคม บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เข้าซื้อหุ้น RS จำนวน 68 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 6.7 จากผู้ถือหุ้นใหญ่ แสดงเจตนารมณ์การเป็นพันธมิตรระหว่างกันเพื่อต่อยอดธุรกิจพาณิชย์ หรือ Commerce ของบริษัทฯ และการขยายธุรกิจในแนวราบในอนาคต

ปี 2561

อาร์เอสฯ เปลี่ยนถ่ายเข้าสู่บริษัทเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ เรียกว่า multi-platform commerce หรือ MPC ซึ่งเป็นการบริหารสื่อในมือให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพิ่มเติม

อาร์เอส เปลี่ยนถ่ายเข้าสู่บริษัทเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ เรียกว่า multi-platform commerce หรือ MPC ซึ่งเป็นการบริหารสื่อในมือให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และมีการขยายตัวทั้งในแง่ช่องทางการจัดจำหน่ายและประเภทสินค้าเพิ่มขึ้น ประกอบด้วยสินค้าสุขภาพและความงาม (Health and Beauty Products) และสินค้าเครื่องใช้ส่วนตัวและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน (Home and Lifestyle Products) ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับต่างๆ

ปี 2560

บริษัทฯ ภายใต้การดำเนินงานของ ไลฟ์สตาร์ มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม (Health and Beauty) อย่างต่อเนื่อง เพิ่มเติม

บริษัทฯ ภายใต้การดำเนินงานของ ไลฟ์สตาร์ มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม (Health and Beauty) อย่างต่อเนื่อง จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ภายใต้กลุ่มแบรนด์ “มาจีค (Magique)” ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ภายใต้กลุ่มแบรนด์ “รีไวฟ์ (Revive)” และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ภายใต้กลุ่มแบรนด์ “เอส.โอ.เอ็ม. (S.O.M.)” โดยเป็นการใช้ประโยชน์ของจุดแข็งในมือ โฆษณาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อของบริษัทฯ เป็นหลัก ทั้งสื่อทีวี ได้แก่ ช่อง 8 และช่องทีวีดาวเทียมจำนวน 4 ช่อง วิทยุคลื่น “COOLfahrenheit” และช่องทางออนไลน์ทั้ง “www.shop1781.com” และ “@Shop1781 (LINE SHOP)” รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของทีม Telesales เพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ นอกจากจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องแล้ว ยังมีการซื้อซ้ำจากลูกค้าเดิม ส่งผลให้ยอดขายเติบโตสูง อีกทั้งได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่มีศักยภาพและมีสินค้าคุณภาพ นำสินค้ามาวางโฆษณาและจำหน่ายผ่านช่องทางของบริษัทฯ ในส่วนของช่อง 8 ก็มีเรตติ้งอยู่ในกลุ่มผู้นำ และมีรายการที่ได้รับความนิยมหลากหลายทั้งรายการข่าว ซีรีส์ต่างประเทศ รายการกีฬา และละคร

ปี 2559

อาร์เอสฯ เปิดตัวบริษัทใหม่ "ไลฟ์สตาร์ (LifeStar)" อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว 4 แบรนด์หลักเพิ่มเติม

อาร์เอส เปิดตัวบริษัทใหม่ "ไลฟ์สตาร์ (Lifestar)" อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัว 4 แบรนด์หลัก "มาจีค กราวีธัส รีไวว์ และ โนเบิลไวท์" เพื่อขยายตัวเข้าสู่ธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health and Beauty) เนื่องจากเห็นโอกาสจากธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปีแม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

ปี 2558

บริษัทฯ เปลี่ยนผ่านโครงสร้างองค์กรเป็นบริษัทมีเดียอย่างเต็มรูปแบบทั้งการดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอลภายใต้แบรนด์ "ช่อง 8" ที่หมายเลข 27 ของระบบการรับสัญญาณโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลทั่วประเทศ เพิ่มเติม

บริษัทฯ เปลี่ยนผ่านโครงสร้างองค์กรเป็นบริษัทมีเดียอย่างเต็มรูปแบบทั้งการดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอลภายใต้แบรนด์ "ช่อง 8" ที่หมายเลข 27 ของระบบการรับสัญญาณโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลทั่วประเทศธุรกิจทีวีดาวเทียม "ช่อง 2" และ "ช่องสบายดีทีวี" รวมถึงสื่อวิทยุผ่านคลื่น COOL Fahrenheit 93 และธุรกิจเพลงซึ่งเป็นต้นทางของคอนเทนต์และบุคลากรทางด้านบันเทิงเพื่อต่อยอดไปสู่ธุรกิจสื่อ

บริษัทฯ เล็งเห็นประโยชน์ของช่องทางของสื่อต่างๆ ที่มีอยู่ในมือ จึงได้เริ่มเข้าสู่ธุรกิจสุขภาพและความงามและเริ่มมีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้ามาเสริมรายได้ของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ปี 2557

บริษัทฯ เป็นผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล เพิ่มเติม

บริษัทฯ เป็นผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ หมวดหมู่ทั่วไปแบบความคมชัดปกติ (Standard Definition) จำนวน 1 ช่อง โดยบริษัทฯ ได้นำ "ช่อง 8" ที่เดิมออกอากาศอยู่บนระบบทีวีดาวเทียม เปลี่ยนมาออกอากาศในระบบดิจิตอลแทน ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2557 เป็นต้นมา

บริษัทฯ ยังได้เป็นผู้บริหารสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 FIFA World Cup Brazil ระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน - 13 กรกฎาคม 2557 โดยออกอากาศทางช่อง 8 ช่อง World Cup Channel ช่อง Sun Channel ช่อง 5 และช่อง 7

ปี 2556

บริษัทฯได้เข้าสู่การเป็นผู้ผลิตรายการบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับธุรกิจสื่อ ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนช่อง 'RS Sport Laliga' เพิ่มเติม

บริษัทฯ ได้เข้าสู่การเป็นผู้ผลิตรายการบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับธุรกิจสื่อ ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนช่อง 'RS Sport La Liga' เป็นกึ่งเพย์ทีวี 'Sun Channel La Liga' ช่องรายการที่ประกอบด้วย กีฬา ข่าว และถ่ายทอดสดฟุตบอลลาลีกาสเปน

ในส่วนของธุรกิจวิทยุ บริษัทฯ ได้มีการรีแบรนด์ 'สกายไฮ' เป็น 'คูลลิซึ่ม' และได้เปิดคลื่นวิทยุคลื่นใหม่ คูลเซลเซียส 91.5 คลื่นรายการวิทยุที่นำเสนอเพลงสากล โปรแกรมวาไรตี้ และลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากต่างประเทศ

ปี 2555

บริษัทฯยังคงมีการขยายตัวในธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดตัวช่องใหม่เพิ่มอีก 1 ช่อง ได้แก่ ช่อง RS Sport LaLiga เพื่อรองรับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลลาลีกาสเปน 3 ฤดูกาลเพิ่มเติม

บริษัทฯ ยังคงมีการขยายตัวในธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดตัวช่องใหม่เพิ่มอีก 1 ช่อง ได้แก่ ช่อง RS Sport La Liga เพื่อรองรับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลลาลีกาสเปน 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี 2555 - 2558 (2012 - 2015) และยังได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบช่อง Yaak TV โดยการปรับเนื้อหาและรูปแบบรายการเพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และเปลี่ยนชื่อเป็น Star Max Channel ช่องวาไรตี้บันเทิงของเหล่าดารา เซเลป และศิลปินนักร้อง

ในส่วนของธุรกิจวิทยุ ได้เพิ่มการออกอากาศผ่าน FM 88.5 MHz ภายใต้แบรนด์ "สบายดี เรดิโอ" ที่ต่อยอดมาจากความสำเร็จของช่องสบายดีทีวี และค่ายเพลงอาร์สยาม

ปี 2554

บริษัทฯได้ขยายตัวในธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมเพิ่มอีก 2 ช่อง ได้แก่ ช่อง 8 ภายใต้คอนเซ็ปต์ ฟรีทีวีวาไรตี้ 24 ชั่วโมง และ ช่อง Yaak TV ภายใต้คอนเซ็ปต์ Free TV Uncensored 24 ชั่วโมง เพิ่มเติม

บริษัทฯ ได้ขยายตัวในธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมเพิ่มอีก 2 ช่อง ได้แก่ ช่อง 8 ภายใต้คอนเซ็ปต์ ฟรีทีวีวาไรตี้ 24 ชั่วโมง และ ช่อง Yaak TV ภายใต้คอนเซ็ปต์ Free TV Uncensored 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เป็นผู้บริหารสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลลาลีกา สเปน ในปี 2555 – 2556 (2012 - 2013)

ปี 2553

บริษัทฯได้ปรับรูปแบบการทำงานในบริษัท Skyhigh Networkจำกัด ควบคู่กับการรุกธุรกิจสายงานใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Entertainment Connected" ให้เป็นระบบครบวงจร เพิ่มเติม

บริษัทฯ ได้ปรับรูปแบบการทำงานในบริษัท Skyhigh Network จำกัด ควบคู่กับการรุกธุรกิจสายงานใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Entertainment Connected" ให้เป็นระบบครบวงจร เพื่อเป็นการขยายธุรกิจให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยนอกจากธุรกิจวิทยุ “คูล 93 ฟาเรนไฮต์” แล้ว มีการเพิ่มธุรกิจทางด้าน

  • Cable TV ใช้ชื่อว่า A-List ซึ่งรูปแบบรายการเป็น "Celebrity Lifestyle Channel"
  • Publishing เป็น Free copy ใช้ชื่อว่า ACROSS เป็นนิตยสารที่เน้น theme ในแต่ละเล่มที่แตกต่างกันไปภายใต้รูปแบบ "Creative Hipster Lifestyle Close-up"
  • Event Activation ใช้ชื่อว่า SKYWALKER ที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องของการจัดอีเว้นท์และคอนเสิร์ตต่างๆ

บริษัทฯ ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ธุรกิจภาพยนตร์ โดยทำการ Rebranding ค่ายหนังใหม่ เป็น "Film R Us" ภายใต้แนวคิด ความบันเทิงอย่างสร้างสรรค์ บนความทันสมัย เพื่อแสดงถึงความพร้อมในการสร้างสรรค์และผลิตผลงานภาพยนตร์ระดับคุณภาพออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

บริษัทฯ รุกธุรกิจกีฬาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผู้บริหารสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 FIFA World Cup South Africa ระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน - 11 กรกฎาคม 2553 ออกอากาศทางช่อง 3 ช่อง 7 ช่อง 9 และ NBT พร้อมด้วยกิจกรรม On Ground Activity

บริษัทฯ ได้ Rebranding เว็บไซต์ Pleng.com ให้เป็นร้านขายเพลงบน Internet ที่สามารถชำระเงินผ่านทางระบบโทรศัพท์ (Mobile Payment) แห่งแรกในประเทศไทย

โครงการ Super Mao *339 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง โดยในปี 2553 มีสมาชิกครบ 3 ล้านคนทั่วประเทศ

ปี 2552

บริษัทฯรุกเข้าสู่ธุรกิจกีฬาเต็มรูปแบบ โดยเป็นผู้บริหารสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬารายการใหญ่หลายรายการ อาทิ การแข่งขันฟุตบอล Confederation Cup เพิ่มเติม

บริษัทฯ รุกเข้าสู่ธุรกิจกีฬาเต็มรูปแบบ โดยเป็นผู้บริหารสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬารายการใหญ่หลายรายการ อาทิ การแข่งขันฟุตบอล Confederation Cup และ การถ่ายทอดสดกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 25 เป็นต้น

บริษัทฯ ได้เปิดตัวธุรกิจโทรทัศน์ดาวเทียมจำนวน 2 ช่อง คือ YOU Channel และ สบายดีทีวี โดยได้เริ่มทดลองออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2552 เพื่อตอบสนองผู้ชมกว่า 4.5 ล้านครัวเรือนเดิม และมีอัตราการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นทุกปี

บริษัทฯ เริ่มให้บริการดาวน์โหลดเพลงผ่านมือถือในระบบ Subscription ภายใต้โครงการ Super Mao *339 ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี

ปี 2551

บริษัทฯเข้าลงทุน 65 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัท อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจสื่อในห้างโมเดิร์นเทรด ซึ่งเป็นสื่อวิทยุกระจายเสียง และสื่อทีวีในห้างโมเดิร์นเทรด เพิ่มเติม

บริษัทฯ เข้าลงทุน 65 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัท อาร์เอส อินสโตร์ มีเดีย จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจสื่อในห้างโมเดิร์นเทรด ซึ่งเป็นสื่อวิทยุกระจายเสียง และสื่อทีวีในห้างโมเดิร์นเทรด ครอบคลุมโมเดิร์นเทรดกว่า 540 สาขาทั่วประเทศ

บริษัทฯ เข้าลงทุนในบริษัท ย๊าค จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจรายการทีวีที่เจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น ประกอบด้วย รายการทีนพลัซโชว์ รายการกามิกาเซ่คลับ รายการทูไนท์ไลฟ์ และละครวัยรุ่น Daddy Duo

บริษัทฯ เปิดตัวสนามฟุตบอล S-One ณ ถนนบางนา-ตราด กม.4 เพื่อดำเนินธุรกิจบริการให้เช่าสนามฟุตบอลหญ้าเทียม และให้เช่าสถานที่เพื่อทำกิจกรรมทางการตลาดของบริษัทและห้างร้านต่างๆ

บริษัทฯ ได้รับลิขสิทธิ์เป็นผู้ดูแลการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2008 ซึ่งเป็นกีฬาระดับโลกที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

ปี 2550

ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กรใหม่(Rebranding) เพื่อสะท้อนถึงการทำธุรกิจที่กว้างขวางขึ้นมากกว่าการเป็นบริษัททำเพลง โดยมีโพสิชั่นนิ่งใหม่คือ เครือข่ายความบันเทิง เพิ่มเติม

บริษัทฯ ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กรใหม่ (Rebranding) เพื่อสะท้อนถึงการทำธุรกิจที่กว้างขวางขึ้นมากกว่าการเป็นบริษัททำเพลง โดยมีโพสิชั่นนิ่งใหม่คือ เครือข่ายความบันเทิง (The Entertainment Network)

ปี 2549

บริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็น "บริษัท อาร์เอส จำกัด ( มหาชน )" เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะการประกอบธุรกิจและ ทำการเปลี่ยนโลโกบริษัท ในโอกาสที่มีอายุครบ 25 ปี เพิ่มเติม

บริษัทฯ ได้ปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็น "บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)" เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะการประกอบธุรกิจและ ทำการเปลี่ยนโลโก้บริษัท ในโอกาสที่มีอายุครบ 25 ปี ภายใต้แคมเปญการเฉลิมฉลอง มหัศจรรย์ความสุขไม่รู้จบ (A Journey of Happiness)

บริษัทเข้าลงทุน 50 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดแคสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเมนต์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจทางด้านกีฬา โดยบริษัทได้รับลิขสิทธิ์การบริหารการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2 สมัย คือในปี 2553 และ 2557

บริษัทเข้าลงทุน 51 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัท อาร์เอส ไอดรีม จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจโชว์บิซ โดยมีการนำศิลปินและคอนเทนต์ต่างๆ เข้ามาจากต่างประเทศ อาทิ คอนเสิร์ตของศิลปินต่างประเทศ และงานโชว์ประเภทต่างๆ

ปี 2548

บริษัทฯ บริหารสถานีวิทยุเพิ่มขึ้นอีก 1 สถานีคือ สถานีวิทยุกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ FM 90 MHz ภายใต้การบริหารร่วมกับพันธมิตรธุรกิจคือ บริษัท เวอร์จิ้น เรดิโอ ไทยแลนด์ จำกัด เพิ่มเติม

บริษัทฯ บริหารสถานีวิทยุเพิ่มขึ้นอีก 1 สถานีคือ สถานีวิทยุกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ FM 90 MHz ภายใต้การบริหารร่วมกับพันธมิตรธุรกิจคือ บริษัท เวอร์จิ้น เรดิโอ ไทยแลนด์ จำกัด นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มีการขยายการลงทุนในธุรกิจสิ่งพิมพ์ ด้วยการผลิตหนังสือพิมพ์บันเทิงรายวัน "ดาราเดลี่" ออกสู่ตลาดในเดือนกันยายน 2548 และลงทุนในนิตยสารสำหรับผู้ชายชื่อ BOSS

ปี 2547

บริษัทฯ บริหารสถานีวิทยุเพิ่มขึ้นอีก 1 สถานีคือ สถานีวิทยุทหารเรือ FM 106 MHz ภายใต้แบรนด์ 106 LIFE FM อีกทั้งยังมีการผลิตพ็อคเกตบุคส์ เพิ่มเติม

บริษัทฯ บริหารสถานีวิทยุเพิ่มขึ้นอีก 1 สถานีคือ สถานีวิทยุทหารเรือ FM 106 MHz ภายใต้แบรนด์ 106 LIFE FM อีกทั้งยังมีการผลิตพ็อคเกตบุคส์หลากหลายเนื้อหาออกสู่ตลาดในช่วงปี 2547 ภายใต้ชื่อสำนักพิมพ์ โพเอม่า บุคส์ นอกจากนี้ได้ขยายธุรกิจสู่การผลิตงานคอมพิวเตอร์ กราฟฟิคภายใต้ชื่อ บริษัท บลูแฟรี่ จำกัด

ปี 2546

บริษัทฯ ได้ผลิตนิตยสารสำหรับผู้หญิงออกสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2546 ในชื่อ "FRONT" ภายใต้สโลแกน "FRONT นำคุณให้นำหน้า" เพิ่มเติม

บริษัทฯ ได้ผลิตนิตยสารสำหรับผู้หญิงออกสู่ตลาดในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2546 ในชื่อ "FRONT" ภายใต้สโลแกน "FRONT นำคุณให้นำหน้า" และได้นำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อย่อ "RS"

ปี 2545

บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจและการบริหารครั้งใหญ่ โดยได้จัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นอีกมากมาย เพื่อรองรับงานที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกๆ ด้านได้แก่ การผลิตละครโทรทัศน์ เพิ่มเติม

บริษัทฯ มีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจและการบริหารครั้งใหญ่ โดยได้จัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นอีกมากมาย เพื่อรองรับงานที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกๆ ด้านได้แก่ การผลิตละครโทรทัศน์ การผลิตภาพยนตร์โฆษณาและสิ่งพิมพ์ รวมถึงบริษัทจัดเก็บลิขสิทธิ์ไทยที่ทำหน้าที่เป็นองค์กรกลางในการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ผลงาน และบริษัทฯ ยังได้รุกคืบสู่ตลาดเพลงสากล ด้วยการจับมือกับทางกลุ่ม Unlimited Group ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นต้นสังกัดของวงดนตรีชื่อดังอย่าง Glay และ Lucifer โดยอาร์เอสเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายในประเทศไทยและยังจัดคอนเสิร์ตศิลปินเหล่านี้ด้วย

ปี 2542

บริษัทฯ ได้จัดขบวนทัพในธุรกิจสื่อวิทยุใหม่ด้วยการจัดตั้งบริษัท สกาย-ไฮเน็ตเวิร์ก จำกัด เพิ่มเติม

บริษัทฯ ได้จัดขบวนทัพในธุรกิจสื่อวิทยุใหม่ด้วยการจัดตั้งบริษัท สกาย-ไฮเน็ตเวิร์ก จำกัด และเข้าทำธุรกิจสื่อวิทยุอย่างเป็นทางการโดยรับหน้าที่ผลิตรายการและบริหารคลื่นวิทยุในเครือ 2 คลื่นคือ “98 Cool FM” คลื่นเพลง ฟังสบายสำหรับวัยรุ่นจนถึงวัยทำงานตอนต้น และ “88.5 Z POP We Like” คลื่นซ่าของคนรุ่น "Z"

ปี 2540

บริษัทฯ รุกเข้าสู่สื่อโทรทัศน์อย่างเต็มตัวด้วยการเปิดบริษัท ชาโดว์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัดในช่วงต้นปี เพิ่มเติม

บริษัทฯ รุกเข้าสู่สื่อโทรทัศน์อย่างเต็มตัวด้วยการเปิดบริษัท ชาโดว์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัดในช่วงต้นปีและบริษัท เมจิคแอ็ดเวอร์เทนเม้นท์ จำกัด โดยเริ่มต้นด้วยรายการเกมส์โชว์ที่สร้างสีสันจนกลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ เช่น "Shock Game" และตามมาด้วยรายการประเภทอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ รายการวาไรตี้ รายการเพลง มิวสิควิดีโอและรวมทั้งละครโทรทัศน์อีกด้วย ซึ่งรายการเหล่านี้นอกจากจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ แล้วยังถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ของบริษัทฯ ไปในเวลาเดียวกันด้วย

ปี 2539

บริษัทฯ สร้างสตูดิโอครบวงจรหลังใหม่มูลค่ากว่า 80 ล้านบาทและลงทุนอีก 300 ล้านบาท เพิ่มเติม

บริษัทฯ สร้างสตูดิโอครบวงจรหลังใหม่มูลค่ากว่า 80 ล้านบาทและลงทุนอีก 300 ล้านบาท สำหรับสร้างอาคารเชษฐโชติศักดิ์ 2 ความสูง 6 ชั้นบนเนื้อที่ไร่เศษ ใกล้กับอาคารเดิมเพื่อรองรับปริมาณบุคลากรและทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นตามการขยายงานอย่างรวดเร็ว

ปี 2538

บริษัทฯ ก้าวเข้าสู่ธุรกิจภาพยนตร์อย่างเต็มตัวด้วยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง" โลกทั้งใบให้นายคนเดียว" ในนาม "อาร์.เอส.ฟิล์ม" เพิ่มเติม

บริษัทฯ ก้าวเข้าสู่ธุรกิจภาพยนตร์อย่างเต็มตัวด้วยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "โลกทั้งใบให้นายคนเดียว" ในนาม "อาร์.เอส.ฟิล์ม" หลังจากการทดลองตลาดด้วยภาพยนตร์เรื่อง "รองต๊ะแลบแปล๊บ" ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง "โลกทั้งใบให้นายคนเดียว "นับเป็นภาพยนตร์เปิดตัวที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งทางด้านรายได้และรางวัล ถือเป็นการเริ่มต้นที่เป็นพื้นฐานความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องต่อๆ มา

ปี 2535

มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็น "บริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น 1992 จำกัด" เพิ่มเติม

มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็น "บริษัท อาร์.เอส. โปรโมชั่น 1992 จำกัด" รวมทั้งได้ย้ายสำนักงานจากถนนอุรุพงษ์มาเป็นอาคารเชษฐโชติศักดิ์ ในซอยลาดพร้าว 15 และใช้เงินลงทุน 300 ล้านบาท โดยมีห้องบันทึกเสียง ระดับมาตรฐานเพื่อรองรับงานของบริษัทฯ ถึง 3 ห้อง โดยบริษัทฯ ได้ประกาศจุดยืนจากบริษัทเพลงมาเป็นบริษัทบันเทิงครบวงจร นอกจากผลงานอัลบั้มเพลงซึ่งเป็นธุรกิจหลักแล้ว บริษัทฯ ยังได้รุกเข้าสู่ธุรกิจบันเทิงในสายงานอื่นๆ อย่างครบวงจรไม่ว่าจะเป็นรายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ ละครโทรทัศน์รวมทั้งภาพยนตร์ และถือกำเนิด "อาร์.เอส.สตาร์คลับ" สำหรับแฟนๆ อาร์เอส ซึ่งนับเป็นธุรกิจแฟนคลับแห่งแรกของธุรกิจเพลงในเมืองไทย

ปี 2527

บริษัทฯ สร้างปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ให้กับวงการเพลงไทยด้วยการออกอัลบั้ม "รวมดาว" เพิ่มเติม

บริษัทฯ สร้างปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ให้กับวงการเพลงไทยด้วยการออกอัลบั้ม "รวมดาว" ที่รวบรวมศิลปินวัยรุ่นในยุคนั้นมาร้องเพลงเก่าสมัยสุนทราภรณ์ และสามารถสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกเหนือจากวงสตริงวัยรุ่นแล้ว ขณะที่เพลงไทยลูกทุ่ง ก็ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง อาทิ สันติ ดวงสว่าง เอกชัย ศรีวิชัย และยอดรัก สลักใจ

ปี 2525

บริษัท อาร์.เอส.ซาวด์ จำกัด ถือกำเนิดจากการแปรวิกฤติให้เป็นโอกาสอย่างแท้จริง เพิ่มเติม

บริษัท อาร์.เอส.ซาวด์ จำกัด ถือกำเนิดจากการแปรวิกฤติให้เป็นโอกาสอย่างแท้จริง เมื่อคุณเกรียงไกรตัดสินใจเปลี่ยนธุรกิจมาเป็นบริษัทเพลงที่เน้นตลาดวัยรุ่น โดยใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 2-3 ล้านบาท ซึ่งขณะนั้นมีวงอินทนินเป็นศิลปินในสังกัดวงแรกและตามมาด้วย คีรีบูน ฟรุตตี้ ซิกเซ้นต์ บรั่นดี และเรนโบว์ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง

ปี 2519

คุณเกรียงไกร เชษฐโชติศักดิ์ เริ่มธุรกิจอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก โดยทำธุรกิจตู้เพลงและอัดเพลงจากแผ่นเสียงลงเทป ภายใต้ตรา "ดอกกุหลาบ" เพิ่มเติม

คุณเกรียงไกร เชษฐโชติศักดิ์ เริ่มธุรกิจอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก โดยทำธุรกิจตู้เพลงและอัดเพลงจากแผ่นเสียงลงเทป ภายใต้ตรา "ดอกกุหลาบ" ก่อนจะจัดตั้งเป็นบริษัทอย่างเต็มตัวด้วยเงินลงทุน 50,000 บาทในนาม "Rose Sound" ซึ่งถือได้ว่าเป็นปฐมบทของอาณาจักร "อาร์เอส" อันยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน